เมื่อวานได้เห็นข่าวอันนึงจากเดอะสแตนดาร์ด สัมภาษณ์นายกสมาคมท่องเที่ยวภูเก็ตว่า
วัคซีนอาจจะไม่มาตามนัดให้กับชาวภูเก็ต ซึ่งจะส่งผลให้แผน
งาน ภูเก็ต Sandbox 1 กรกฎาคม อาจจะต้องเลื่อนไป
กับความพร้อมที่หมอสาธารณสุข ตัวแทน ศบค หรือ ศบค พยายามจะสื่อสารว่า วัคซีน 100 ล้านโดสในปี 2564 เตรียมพร้อมสำหรับคนไทย ซึ่งถามว่ามีดีไหมมันก็ดี แต่คำถามที่เกิดขึ้นคือ มันช้าเกินไปไหม กว่าที่รัฐบาลจะเริ่มขยับตัวปรับแผนงาน และประกาศก็เกิดการระบาดระลอกใหม่ หรือคลัสเตอร์ทองหล่อ และสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทย พร้อมกับสะท้อนเสียงออกมาดัง ๆ ว่า 1 กรกฎาคม ภูเก็ต sandbox จะทำได้จริงเหรอ หรือ ปลายปีที่วางแผนเปิดประเทศ 1 ตุลาจะทำได้จริง ๆ เหรอ ในขณะที่แผนการนำเข้า ฉีด วัคซีนให้กับคนไทย เริ่มได้สำหรับประชาชนทั่วไป คือ 1 สิงหาคม (หรืออีก 4 เดือนเต็ม ๆ นับจากวันนี้) ไม่นับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อายุ 60 ปีขึ้นไปนะครับ ภาวะแรงงานหลักของบ้านเราไม่ได้อยูที่คนอายุ 60 ขึ้นไป
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ถ้าในภาวะวิกฤตแล้วรัฐบาล หรือ ท่านนายกฯ ที่รวบรวมศูนย์กลางตัดสินใจไปรวมไว้ที่ท่านแล้วนั่ง ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ ทำไมไม่ให้เอกชน หรือองค์กรเอกชนอื่นๆ ช่วยท่านในการจัดหาวัคซีน ให้กับกลุ่มแรงงานหลักของประเทศ แล้วรัฐบาลอาจจะชดเชยให้ด้วยการลดภาษี หรือนู่นนั่นนี่ ให้กับเอกชนเหล่านั้น เป็นการ support ซึ่งกันและกัน
ยังดีที่เห็นว่า เอกชน ทางสภาอุตสาหกรรมเอง และสมาคม รพ เอกชน เอง ยังคงเดินหน้าในการจัดหาวัคซีนต่อไปตามข่าว
https://web.facebook.com/workpointTODAY/photos/1589523231416949/
เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่าตอนนี้วัคซีนคือคำตอบ เหมือนกับที่ CEO หลาย ๆ ท่านได้ให้ความเห็นไว้ ท่านนายกเราจะยังนิ่งเฉย และยังทำตามระบบการบริหารของท่านแบบนี้จริง ๆ เหรอ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศเราฟื้นตัวกลับมาช้า ชื่อเสียงระบบสาธราณสุขที่เคยทำมาในการควบคุมการระบาด หรือการรักษาก็จะหายไปอีกด้วย เพราะการระบาดครั้งนี้ดูแล้วจะยังไม่หยุดง่าย ๆ คำตอบที่ง่ายมาก ๆ วัคซีนครับ ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี เหมือนที่ท่าน ๆ หลาย ท่านได้กล่าวไว้
https://www.facebook.com/109552337467130/posts/298268765262152/
