CATL จับมืออินโดนีเซีย ผลักดันอุตสาหกรรมอี-โมบิลิตี้ ด้วยเงินลงทุนเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์
CBL ร่วมมือกับ ANTAM และ IBI ของอินโดนีเซียในโครงการรวมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
โครงการมุ่งเน้นไปที่การทำเหมืองและแปรรูปนิกเกิล วัสดุแบตเตอรี่ การผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ด้วยการร่วมลงทุนมูลค่าเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความร่วมมือนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการขยายธุรกิจทั่วโลกของ CATL และจะส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 14 เมษายน บริษัทหนิงโป คอนเทมโพรารี บรันพี ไลเจนด์ จำกัด (Ningbo Contemporary Brunp Lygend Co., Ltd. หรือ CBL) ในเครือบริษัทกวางตุ้ง บรันพี รีไซคลิง เทคโนโลยี จำกัด (Guangdong Brunp Recycling Technology Co., Ltd. หรือ Brunp) ลงนามในกรอบความตกลงไตรภาคีกับ พีที อาเนกา ทัมบัง (PT Aneka Tambang หรือ ANTAM) และพีที อินดัสตรี บาเตไร อินโดนีเซีย (PT Industri Baterai Indonesia หรือ IBI) เพื่อร่วมมือในโครงการรวมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอินโดนีเซีย (Indonesia EV Battery Integration Project) ซึ่งรวมถึงการทำเหมืองและการแปรรูปนิกเกิล วัสดุแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ Brunp เป็นบริษัทในเครือของบริษัท คอนเทมโพรารี แอมแปร์เอ็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด (Contemporary Amperex Technology Co., Limited หรือ CATL)
โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเอฟเอชที (FHT Industrial Park) เขตฮัลมาเฮราตะวันออก จังหวัดมาลูกูเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย ตลอดจนสถานที่อื่น ๆ ในประเทศ ด้วยการร่วมลงทุนมูลค่า 5.968 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ANTAM เป็นธุรกิจในเครือของบริษัทเหมืองแร่ MIND ID ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ขณะที่ IBI หรือ Indonesia Battery Corporation เป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่และระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งเป็นบริษัทในเครือของ MIND ID และ ANTAM
โครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับการดำเนินงานของ CATL ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ รับรองการจัดหาทรัพยากรและวัตถุดิบขั้นต้น ลดต้นทุนการผลิต และส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่
"โครงการในอินโดนีเซียถือเป็นก้าวสำคัญของ CATL ในขณะที่เราขยายธุรกิจไปทั่วโลก และจะเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไม่เสื่อมคลายระหว่างจีนและอินโดนีเซีย" โรบิน เซิ่ง (Robin Zeng) ผู้ก่อตั้งและประธาน CATL กล่าว "เราเชื่อมั่นอย่างเต็มที่กับการพัฒนาโครงการนี้ในอนาคต"
"กรอบความตกลงที่เราลงนามในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออินโดนีเซีย ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า" ลูฮูต บินซาร์ ปันด์ไจตัน (Luhut Binsar Pandjaitan) รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุน กล่าว "ผมเชื่อว่าด้วยความพยายามร่วมกันของทุกฝ่าย โครงการนี้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี"
