

หลังจากมีกระแสข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกกฎใหม่สำหรับประชาชน ที่ใช้บริการฝากเงินสดผ่านตู้ฝากเงินอัตโนมัติ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรเดบิต/เครดิต ร่วมด้วย ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าจะส่งผลกระทบเรื่องค่าธรรมเนียมใช้บริการหรือไม่ และสำหรับผู้ใช้บริการที่ไม่มีบัตรเครดิตจะทำอย่างไร ?
ล่าสุด วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 นายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ กมธ. การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยว่า กมธ. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมธนาคารไทย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมการปกครอง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงและหารือต่อคณะกรรมาธิการฯ โดย กมธ.ได้ซักถามและพูดคุยถึงข้อกังวลใจ ถึงผลกระทบด้านค่าบริการและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ใช้งาน เนื่องจากมีการประกาศนโยบายแบบปัจจุบันทันด่วน และจะเริ่มใช้ข้อบังคับเลย ซึ่งกมธ.มองว่ายังขาดเวลาในการประชาสัมพันธ์ เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน
โดยจากการประชุมนานกว่า 2 ชม. ได้ข้อสรุป คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนระยะเวลาบังคับใช้กฎใหม่ ในการยืนยันตัวตนออกไปก่อน โดยจะมีผล 1 มิ.ย.2566 เพื่อให้ทุกธนาคาร ได้มีเวลาประชาสัมพันธ์กับลูกค้าของตนให้เข้าใจในระบบและขั้นตอน
สำหรับข้อกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมบริการ ว่าจะมีการเรียกเก็บเพิ่มเติมจากขั้นตอนยืนยันตัวตนหรือไม่ นายเสมอกันกล่าวว่า กมธ.ยืนยัน ไม่ให้ผู้ประกอบการธนาคารเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเด็ดขาด โดย ธปท.ชี้แจงขั้นตอนการยืนยันตัวตนว่า ผู้ฝากเงินสามารถยืนยันตัวตนด้วยบัตรเดบิต/เครดิต ของธนาคารอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่ตู้รับฝากเงิน(CDM) กับบัญชีปลายทาง เป็นธนาคารเดียวกัน จะไม่มีค่าธรรมเนียม ส่วนกรณีตู้รับฝากกับบัญชีปลายทางต่างธนาคาร จะมีค่าบริการตามเดิม และสำหรับกรณีผู้ฝากเงิน ที่ไม่มีบัตรเดบิต/เครดิต เลย ก็สามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยการใช้ OTP เพียงแค่กรอกเลขบัตรประชาชน และเบอร์มือถือที่ตู้รับฝาก ระบบจะส่งรหัสยืนยันตัวตนแบบใช้ครั้งเดียว ( OTP : One Time Password ) ให้ทาง SMS ผู้รับฝากเพียงกรอกรหัสผ่านที่ได้รับ เพื่อยืนยันตัวตน เป็นอันจบขั้นตอน ไม่มีค่าบริการ 100%