ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวติดอันดับโลก ทั้งกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัดกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทุกเชื้อชาติต่างต้องการมาเยี่ยมเยือน เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมจากวิถีความเป็นไทย ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยถึง 40 ล้านคนในปี 2019 สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับระบบเศรษฐกิจ
วันนี้ถึงเวลาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งพร้อมกับมุมมองใหม่ ๆ ที่มี อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้สัมภาษณ์กับ The Cloud และเล่าเรื่องเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาธุรกิจให้สอดรับกับเศรษฐกิจดิจิทัล หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญและช่วยส่งเสริมกันได้อย่างดี คือธุรกิจการจัดประชุมและสัมมนาหรือไมซ์ ที่จะต่อยอดประสบการณ์การท่องเที่ยวไปพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เห็นโอกาสของประเทศไทยกับประสบการณ์ที่แตกต่างสำหรับธุรกิจไมซ์อย่างไรบ้าง
ประเทศไทยเรามีศักยภาพสำหรับธุรกิจจัดงานประชุม สัมมนา และแสดงสินค้า ด้วยความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบ้านเราได้เปรียบกว่าหลายประเทศในภูมิภาค สิ่งแรกและสิ่งสำคัญเลยคือ ความแตกต่างด้านศักยภาพ และความพร้อมของภาคการท่องเที่ยวที่โดดเด่น เรามีภูมิทัศน์สวยงาม มีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ชื่อเสียงด้านการให้บริการของเราก็เป็นที่ยอมรับ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีมาตรฐานระดับโลก
วิถีของธุรกิจไมซ์สอดคล้องแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มคิง เพาเวอร์ ที่ต้องการให้บริการแบบครบวงจร ด้วยการนำเสนอบริการของธุรกิจให้มีความโดดเด่น เราให้บริการด้านไมซ์แบบครบวงจร ทั้งสถานที่จัดงาน ห้องประชุม ที่พักโรงแรม ห้างสรรพสินค้าดิวตี้ฟรี และโรงละคร กลุ่มคิง เพาเวอร์ ตั้งใจสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งสนับสนุนการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม การสร้างแหล่งท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ให้มีความทันสมัย มีสถานที่รองรับการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงเราภูมิใจที่จะเป็นสื่อกลางช่วยนำพาศักยภาพคนไทยและอัตลักษณ์ไทยไปนำเสนอให้เป็นที่รู้จักผ่านโครงการ THAI POWER MARKET ในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เราพัฒนาขึ้น เพื่อยกระดับสินค้าชุมชนท้องถิ่นที่สะท้อนภูมิปัญญาไทย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างอาชีพในชุมชนด้วย
ปกติแล้ว คิง เพาเวอร์ จัดประชุม สัมมนากันอย่างไร และให้ความสำคัญกับเรื่องใด
บริษัทเราจัดประชุม อบรม และสัมมนา ให้กับผู้บริหารและพนักงานทั้งภายในและภายนอกมาโดยตลอด ประมาณ 3 – 4 ครั้งต่อปี ส่วนมากจะไปที่ต่างจังหวัด สถานการณ์โควิดที่ผ่านมาส่งผลให้งบประมาณในส่วนนี้ต้องระงับไว้ก่อน เมื่อสถานการณ์เข้าสู่การดำเนินการเป็นปกติแล้ว แน่นอนว่าเราจะพิจารณาการจัดกิจกรรมอบรมพนักงานนอกองค์กรอีกครั้ง เพราะเราเชื่อว่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในองค์กรได้ดี
ตอนนี้เราเปิดประเทศแล้ว คิง เพาเวอร์ มีกลยุทธ์ด้านการตลาดในการดึงดูดนักเดินทางในธุรกิจไมซ์อย่างไรบ้าง
ผมคิดว่าการเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง นักเดินทางกลุ่มไมซ์มีศักยภาพการใช้จ่าย เป็นนักเดินทางในกลุ่มคุณภาพ (Quality Visitors) แน่นอนว่าพวกเขาต้องการสินค้าและการให้บริการที่มีคุณภาพเช่นกัน ดังนั้น เราจึงต้องส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างมืออาชีพให้พวกเขา คู่ขนานไปพร้อมกันทั้งในระบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยนำเทคโนโลยีมาบูรณาการให้เข้าถึงสินค้าและบริการ
กลุ่มคิง เพาเวอร์ จะสร้างมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกด้วยการปรับโฉมใหม่ของพื้นที่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิในรอบ 12 ปี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยหัวใจสำคัญคือการเป็น World Junction ที่ประกอบด้วย World Fashion World Beauty และ World Duty Free เพื่อตอกย้ำภาพการเป็นแหล่งช้อปปิ้งระดับโลก เราจะต่อยอดด้วยการพัฒนาให้เกิดประสบการณ์ซื้อสินค้าดิวตี้ฟรีแบบไร้ขีดจำกัด ทั้งที่สนามบินและสาขาในเมือง (Down Town Duty Free) ในรูปแบบ Total CRM Solution Hub เพื่อตอบโจทย์ด้านสิทธิประโยชน์สมาชิก นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่าง คิง เพาเวอร์ กับลูกค้า และการค้นหาสินค้าและบริการ รวมไปถึงการซื้อสินค้าในระบบออนไลน์ด้วยบริการ KING POWER CLICK & COLLECT ที่อำนวยความสะดวกในการวางแผนช้อปปิ้ง และรับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก
อีกเรื่องที่เราตั้งใจคือ การพัฒนาโครงการ ‘คิง เพาเวอร์ มหานคร’ ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวครบวงจร มีมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในการพัฒนาโครงการ สร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกในอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งเราจะช่วยประชาสัมพันธ์ความสวยงามของประเทศไทยภายใต้แคมเปญและโครงการต่าง ๆ รวมถึงรูปแบบการให้บริการที่ใช้เทคโนโลยีรองรับ เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัยมากยิ่งขึ้นไปอีก
คุณมองโอกาสและศักยภาพของเมืองไทยในการรองรับการจัดงานขนาดใหญ่ระดับโลกเป็นเช่นไร
ผมเชื่อว่าประเทศไทยมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เหนือจรดใต้เลย มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่ค่อนข้างสะดวกสบาย รวมถึงคุณภาพของสถานที่จัดงานในระดับนานาชาติที่ดีเยี่ยม สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการไมซ์ได้ในทุกระดับ
ธุรกิจไมซ์เป็นอีกหนึ่งสาขาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย เป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพ ค่าใช้จ่ายตอบแทนหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลสูงกว่าการท่องเที่ยวประเภทอื่นด้วยซ้ำ หลายประเทศจึงให้ความสำคัญกับธุรกิจไมซ์ และด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทยเราในหลายด้าน ๆ ที่มีความพร้อม ถ้าทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันดึงการประชุม อบรม สัมมนามาจัดที่ประเทศไทยมากขึ้น ก็จะช่วยเร่งการฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวม และยังช่วยฟื้นธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันได้ดียิ่งขึ้น
ธุรกิจที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจไมซ์เอง อย่างเช่น โรงแรมหรือธุรกิจดิวตี้ฟรี ก็มีความพร้อมและได้รับการยอมรับในมาตรฐานการบริการจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงเวทีธุรกิจปลอดอากรระดับโลกเช่นกัน ซึ่งรางวัลที่กลุ่มคิง เพาเวอร์ ได้รับจากเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส คือ รางวัลชนะเลิศ DFNI FRONTIER AWARDS 2022 สาขารางวัลประเภท AIRPPORT RETAILER OF THE YEAR รวมถึงอีกหลายรางวัลที่เป็นเครื่องหมายการันตีถึงมาตรฐานการให้บริการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลด้วย
https://readthecloud.co/apichet-sriwattanaprapa/