อมตะวาจาของอภิสิทธิ์:อุดมการณ์
----- ระบบการเมืองในวิถีระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีที่ไหนในโลก ที่ประชาชนถูกทำร้ายโดยภาครัฐ
แต่รัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ"
"เพราะถึงพันธมิตรฯจะทำผิด แต่รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิทำร้ายประชาชน"
ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเราจะมีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิต
และบาดเจ็บสาหัสแล้ว ยังมีรัฐที่ยัดเยียด
ความผิดให้ประชาชนอีก ถือเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้
ผมเคยได้ยินฝ่ายรัฐบาลชอบถามคนนั้นคนนี้
ว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า แต่พฤติกรรมที่ท่านทำอยู่
ไม่ใช่เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่เป็นคนหรือเปล่า
เหตุการณ์ทั้งหมด นายกไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ
ว่าเป็นผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ก็จงใจให้เหตุการณ์เกิดขึ้น
ยุบสภาจะเป็นการรับผิดชอบ ทำเถอะเพื่อบ้านเมืองสงบ
สร้างบรรทัดฐานที่ดีเถอะครับ
เวลามีการชุมนุมทางการเมือง จะถูกหรือผิดกฏหมายมันต้องมีคนเดือดร้อน
แต่ถามว่าคนที่ตากแดดตากฝนบนถนน ส่วนตัวหลายคนละทิ้งการ
งานทะเลาะกับครอบครัว ตรงนั้นเรามองว่าเป็นกบฏหรือเครื่องมือการเมืองหรือ
ไม่ใช่หรอกเราต้องคิด รัฐบาลต้องคิด นายกต้องคิด แต่วันนี้ท่านนายกไม่คิดแล้วครับ ////
ท้ายสุดแล้วรัฐบาลตั้งโจทย์ผิด ก็เลยแก้แบบผิดๆ เรื่องเลยบานปลาย
ตั้งโจทย์ว่า คนคิดต่าง ผู้ชุมนุมคือผู้ก่อการร้าย ภาพผู้การดีก็ลอยเขามาในหัวผู้ชุมนุม
ความเคียดแค้นชิงชังที่มีอยู่เดิม ยิงปะทุแรงโหมกล้า แก้ปัญหาโดยให้ทหาร
ถืออาวุธปืนครบมือ แทนที่จะเป็นแก๊สน้ำตา หรือรถฉีดน้ำ ผลลัพย์ก็อย่างที่เห็นๆ
กันอยู่ รัฐบาลและแกนนำคงประเมินอารมณ์ของแนวร่วมผิดไปถนัด
อภิสิทธิ์มองคนที่มาชุมนุมทุกคนเป็นทักษิณหมด แทนที่จะมองว่านี้คือประชาชนคนไทย
มันมีเหตุมีผลลึกๆ อยู่หลายปัจจัย แต่อภิสิทธิ์ มองว่าเป็นทักษิณทุกอย่างเลยจบ
แท้ที่จริงแล้ว ทุกครั้งที่นายกพูดเรื่องการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง พูดถึงหลักนิติรัฐ
มันคือความเจ็บปวดที่เสียดแทงจิตใจของผู้คน อ้างหลักนิตรัฐไปทำไม
ในเมื่อมันโดนทำลายไปก่อนหน้านี้แล้ว แล้วใยท่านไม่ปกป้อง ใยท่านจึงอุ้มสม
แค่หลักการง่ายๆ ของกฏหมายบ้านนี้เมืองนี้ก็ปล่อยให้อคติ ทำลายลงอย่างย่อยยับ
แค่หลักนิติรัฐที่นักกฏหมายถือนักถือหนาว่า กฏหมายย่อมไม่ให้โทษย้อนหลัง
กฏหมายย่อมไม่ยกโทษให้คนทำผิดทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว กระทำอยู่ และในอนาคต
กฏหมายมีไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด ปกป้องคนดี
ไม่ใช่การเหมาเข่ง ผิดแค่ 1-3 คน แต่จับไปประหารชีวิตทั้งกลุ่ม
คิดให้ไกล กว้างๆ มันอาจจะสะใจเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่ในอนาคตแล้วมันมืดมิด
ไร้ทางออก แล้วเมื่อถึงวันนั้นมันจะตอบกันไม่ได้ ว่าใครหนอที่เหมาะสมที่จะเป็นนายก
ท่ามกลางสงครามเศรษฐกิจอันเชี่ยวกรากนี้ ใยประเทศไทย จึงเอานักการเมืองรุ่นเหลน
ไปเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศชาติ ท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องฉีกแล้วยกร่างกันใหม่
แผนปรองดองฉบับมาร์คซิส
1.ยกระดับการประท้วงโดยประกาศให้ประชาชนที่มาประท้วงเป็นผู้ก่อการร้าย
2.ประกาศให้คนที่สนับสนุนม๊อบแดง ( เหมือนตอนคนสนับสนุนม๊อบเหลืองทำ) ให้เป็นผู้ก่อการร้าย สนับสนุนการก่อการร้าย ระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน น่าจะประกาศเพิ่มอีกสักพันรายชื่อนะเพื่อความมั่นคงของเก้าอี้นายก
3.ประกาศพื้นที่ใช้อาวุธจริง
4.พื้นที่ทับซ้อน 4.5 ตร.กม. เขาพระวิหารไม่ไปกระชับพื้นที่ กลัวกองกำลังที่ทราบฝ่าย
5.ตำรวจไล่ตามจับกลุ่ม ชายฉกรรณ์ ร่วมสร้างสถานการณ์ ทหารเอาปื่นส่อง ห้ามยุ่ง
6.ประกาศขอคืนพื้นที่และกระชับพื้นที่
7.สลายม๊อบตามหลักสากล ไม่มีรถฉีดน้ำ ไม่มีแก๊สน้ำตา มีแต่น้ำตาของประชาชน
8.สะใจเหมือนทีมโปรดชนะใน
ฟุตบอลโลกที่จะระเบิดขึ้น เมื่อกระชับพื้นที่สำเร็จ
9.ทหารไม่ได้ยิงประชาชน เสื้อแดงฆ่ากันเองครับ
10.ทำให้การต่อสู้ทางการเมืองฝั่งรากลึกลงดิน และงอกงาม ต่อไป แผ่กิ่งก้านขยายใหญ่
11.ไม่มีการดึงมวลชนกลับคืน ให้มาเข้ากับตน มีแต่การมอมเมา และผลักดันไปอยู่ตรงข้ามแล้วฆ่าด้วยข้อหาผู้ก่อการร้าย
นี้คือมาร์คซิส
[/qf