หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ใครเดือดร้อนจากการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร หรือขายส่งออกลดลง เชิญทางนี้ด่วน  (อ่าน 923 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 20:48 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

q*00


เนื่องจากทางสภาธรรมาภิบาลได้ยื่นหนังสือฟ้องธนาคารแห่งประเทศไทย ต่อศาลปกครอง และศาลปกครองชั้นต้น ได้ยกฟ้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย โดยตรง เพราะ

ไม่ใช่เป็นผู้ส่งออกโดยตรง หรือไม่ได้กู้เงินผ่อนบ้าน ไม่ได้กู้เงินไปลงทุนไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แพงขึ้น เพียงแต่ได้รับดอกเบี้ยน้อย เท่านั้น

และได้อุทธรณ์ไปแล้ว เกรงว่าศาลจะไม่รับคำฟ้อง รายละเอียดดูในเวบ

www.thammapiban.com หรือเฟสบุค คนไทยร่วมใจไม่เอาแบงค์ชาติ

และกำลังให้ทนายร่างฟ้องอาญา มาตรา 157 ทางทนายต้องการข้อมูลผู้เดือกร้อนเสียหายโดยตรง เพื่อป้องกันการยกฟ้อง

เจตนาที่ฟ้อง เพื่อมิให้ฝ่ายอำนาจปกครองใช้อำนาจตามอำเภอใจ จะทำ

อะไร ก้ได้ คิดเองฝ่ายเดียวแต่ไม่สนใจผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย

และอาจจะเกิดปัญหาวิกฤ๖ติเศรษฐกิจตามมา
จึงจำเป็นต้องฟ้องอาญา

จึงขอให้ท่านที่เดือดร้อนจากการส่งออกได้น้อยลง หรือกระทบรายได้

หรือ กระทบการผ่อนบ้าน ต้องจ่ายเงินสูงขึ้น

ขอให้ช่วยสำเนาเอกสารและรับรองสำเนาถูกต้องส่มาให้ที่

kamolpar@yahoo.com
0863671004
หรือดทรคุยรายละเอยดกันได้ที่เบอร์นี้

เพื่อให้ศาลเห็นว่าประชาชนได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของรัฐ

ขอบคุณคะ
พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
คำฟ้องคดี ศาลปกครอง แบงค์ชาติ
http://www.thammapiban.com/2010/11/16/คำฟ้องคดี-ศาลปกครอง-แบงค/


คำฟ้อง คดีหมายเลขดำที่ ๑๕๙๓ /๒๕๕๓

ศาลปกครองกลาง

วันที่ ๑๔ เดือน ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓

ก ชื่อและที่อยู่ของผู้ฟ้องคดี.

ก.๑ นายเรืองศักดิ์ เจริญผล บัตรประชาชนเลขที่ เกิดวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๔๙๙ อายุ ๕๔ อาชีพ รับจ้าง อยู่ที่ โทร

ก. ๒ พท.พญ.กมลพรรณ์ ชีวพันธ์ศรี บัตรประชาชนเลขที่ อายุ ๕๒ ปี อาชีพ รับราชการ ที่อยู่

ผู้ฟ้องคดี ในฐานะ ผู้เสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนปฏิบัติหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ชาติ มีความประสงค์ขอฟ้อง.

ข. ถูกฟ้องคดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่อยู่ ธนาคารแห่งประเทศไทย เลขที่ ๒๓๗ ถ.สามเสน แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กทม.๑๐๒๐๐ โทรศัพท์ ๐๒-๒๘๓๕๓๕๓
------
---------
---------------
-------------------------
(อ่านรายละเอียดที่ลิ้งค์)

จ. รายละเอียดของการกระทำ ทั้งหลาย ข้อเท็จจริง หรือพฤติการณ์ เกี่ยวกับการกระทำที่เป็น เหตุให้เกิดความเดือดร้อนเสียหาย ที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี

ผู้ฟ้องคดีและพวก ได้รับความเสียหาย และปฏิบัติหน้าที่รักษาผลประโยชน์ชาติ จากการที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พศ ๒๕๕๑ คือเป็นผู้ที่มี อำนาจหน้าที่ กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินของประเทศ โดยคำนึงถึงแนวนโยบายแห่งรัฐ สภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ

แต่หลังจากการกำหนดนโยบาย ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ เมื่อวันที่ ๑๔ กค ๒๕๕๓ และประกาศจะขึ้นไปเรื่อย เอกสารแนบ …๑………
และ ขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐาน ๐.๒๕% เมื่อ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ส่งผลผลกระทบ (http://t.co/BdaPlHE)
- คนฝากเงินรับดอกเบี้ยฝากต่ำ คนกู้เงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สูง
- ผู้ ใช้บริการธนาคาร มีค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมสูงขึ้น
- ผู้นำเข้ามีกำไรจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า
- ผู้ส่งออกขาดทุนจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
- กระทบเกษตรกร หรือผู้ผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เพื่อการส่งออก

ผู้ถูกฟ้องคดี ไม่ได้ปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๓ (หลักนิติธรรม) ในการประกาศนโยบาย การขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย ไม่ได้รับฟังความคิดเห็น ของประชาชน ไม่ได้ศึกษาวิเคราะห์ อย่างรอบคอบ ตามพระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า“พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ

บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีพ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา๘ (๓) กลับปรากฎว่ายิ่งส่งเสริมให้ ค่าเงินแข็งค่ามากขึ้น และกระทบต่อ ภาคธุรกิจส่งออกอย่างกว้างขวาง ยังผลให้ภาคธุรกิจส่งออกสูญเสียรายได้จากการขายสินค้าส่งออก กว่าสามแสนล้านบาท จากการเปิดเผยของ นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการไทยจำนวนมาก เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า เสื้อผ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เยื่อและกระดาษ อาหารสำเร็จรูป และเกษตรแปรรูป และขอให้ ธปท.และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ดำเนินการ ชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปถึงปลายปีก่อน เพราะหากยังปรับขึ้นจะทำ ให้เงินต่างประ เทศไหลเข้ามาในประเทศไทยอีกจนกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งตัว .. เอกสารแนบ ….๒…

ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สังกัด ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น หน่วยงานทางการปกครอง ได้ออกกฎ ที่ใช้บังคับต่อบุคคลทั่วไป คือการประกาศ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร โดยมิได้ผ่านกระบวนการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พศ ๒๕๓๙ มาตรา ๓๐ คือให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ได้มีโอกาสโต้แย้ง และแสดงข้อเท็จจริง ก่อน รวมทั้งไม่ได้ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ มา ตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มาตรา ๗๔ มาตรา ๘๗(๒ ) และไม่ได้ให้บริการแก่ประชาชน ตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (การมีส่วนร่วม ความโปร่งใส นิติธรรม) ไม่ได้ปฏิบัติตาม พระราชกฤษฎีกานี้ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีพ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๘ (๓) คือ ไม่ได้จัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผล เสียให้ครบถ้วนทุกด้าน ในการประกาศ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน ไม่ได้ดำเนินการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน

จากการประกาศ เกณฑ์ดังกล่าว ยังทำให้ สัดส่วนความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ต่างกัน ๕-๖% โดยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน มิได้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ธนาคาร(เอกชน)กำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยสูง และ ต่างชาติ ขนเงินเข้าประเทศทั้งจาก การซื้อขายหุ้นการเก็งค่าเงินบาท การเก็งกำไรดอกเบี้ย ลงทุน ในตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศเข้าสู่ไทยมากขึ้นภายในสองเดือนเกือบหนึ่งแสน ล้าน (๒๑,๐๙๗2+ ๒๗,๓๔๔+๔๔,๔๓๘ = ๙๒,๘๗๙ ล้านบาท ) เอกสารแนบ…๓.. ซึ่งมากกว่าที่เข้าสู่ตลาดหุ้น แสดงให้เห็นว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนหนึ่ง เพราะเงินไหลเข้ามานั้นมาเก็งกำไรดอกเบี้ย จากตราสารหนี้ และอื่นๆ และมีผลประกอบการของธนาคารเอกชนที่กำไรจากการบริหารและส่วนต่างของดอกเบี้ย มากมาย เช่น เอกสารแนบ ๔

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
๑ แบงก์กสิกรไทยเผยผลการดำเนินงานไตรมาส ๒ กำไรพุ่ง ๔.๗ พันล้านบาท ฟันส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มจาก ๓.๖๖ % เป็น ๓.๗๘%

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานของ บจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๓ กำไรสุทธิ ๔,๗๖๓.๔๑ ล้านบาท กำไรต่อหุ้น ๑.๙๙ บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร ๓,๗๐๔.๕๓ ล้านบาท กำไรต่อหุ้น ๑.๕๕ บาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี ๒๕๕๓ มีกำไรสุทธิ ๙,๑๒๗.๓๓ ล้านบาท กำไรต่อหุ้น ๓.๘๑ บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร ๗,๕๐๔.๒๙ ล้านบาท กำไรต่อหุ้น ๓.๑๔ บาท ส่วนงบการเงินเฉพาะธนาคาร ในไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๓ มีกำไรสุทธิ ๔,๓๖๗.๙๘ ล้านบาท กำไรต่อหุ้น ๑.๘๓ บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร ๓,๖๒๕.๗๓ ล้านบาท กำไรต่อหุ้น ๑.๕๑ บาท ฟันกำไรส่วนต่างดอกเบี้ย๓.๗๘%จากเดิม๓.๖๖%

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน ๘๓๖ ล้านบาท หรือ ๗.๐๕% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท ในกลุ่มดังกล่าว

๒ ธปท.เผยไตรมาส๒ แบงก์กำไร ๓.๔ หมื่นล้าน

ธปท.เผยผลประกอบการของธาคารทั้งระบบช่วงไตรมาส๒ของปี๕๓ฟันกำไร ๓.๔ หมื่นล้านเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ๖,๙๐๐ ลบ.โตตามเศรษฐกิจของประเทศส่วนหนี้เสียลดคงเหลือ ๔.๔%


น.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส ๒ ปีนี้ จำนวน ๓.๔ หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ๖,๙๐๐ ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียม

สอดรับกับ ข้อคิดเห็นของ ดร .วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรี คลัง ที่เขียนบทความในประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ว่า ค่าเงินบาทแข็งเร็วเกินไป เอกสารแนบ….๕…
โดยกล่าวว่า ในขณะที่เอกชน และ สื่อมวลชนต่าง ออกมาส่งเสียงเซ็งแซ่กันไปทั่วว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่านี้จะเป็นการทำลายความสามารถในการแข่งขันของประเทศเรา ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นย่อมมีผลกระทบ ต่อการส่งออก การส่งออกย่อมกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ

สาเหตุสำคัญที่เงินบาทแข็งเร็วมากผิดปกติ ส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญก็เพราะ ธปท.ประกาศขึ้นดอกเบี้ย แถม ยังประกาศล่วงหน้าว่าจะขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายปี ขณะเดียวกันเจ้าของเงินดอลลาร์คือสหรัฐอเมริกาประกาศตรึงดอกเบี้ยไว้ ไม่ ขึ้นดอกเบี้ย จึงเป็นเหตุให้ผลต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินบาท กับเงินดอลลาร์ถ่างมากขึ้น ผลตอบแทนต่อเงินบาทสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผลตอบแทนต่อการถือเงินดอลลาร์ ฝรั่งจึงขนเงินดอลลาร์มาแตกเป็นเงินบาท แล้วนำมาลงทุนในตลาดพันธบัตร ตลาดหุ้นบ้าง ฝรั่งเลยได้กำไร ๓ ต่อ คือ ฝากธนาคารไว้ก็ได้กำไรกว่าอยู่ที่อเมริกา เข้ามาซื้อหุ้น พอหุ้นขึ้นก็ขายได้กำไร พร้อม ๆ กันค่าเงินบาทก็แข็งขึ้น ยิ่งเข้ามาเงินก็ยิ่งแข็ง ตกลงกำไร ๓ เด้ง ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ตลาดเงินตราต่างประเทศก็เล็ก ตลาดพันธบัตรก็เล็ก ตลาดหุ้นก็เล็ก เทียบกับอเมริกา ฝรั่งนำเงินเข้ามาซื้อ ราคาหุ้นก็ขึ้น ค่าเงินบาทก็แข็งขึ้น เวลาขึ้นเขาก็ขายได้กำไร ได้กำไรไปแล้วก็ไม่ต้องเอาออก ฝากธนาคารในเมืองไทยก็ได้ดอกเบี้ยมากกว่าเมืองนอก

ดังนั้นการที่กนง. ไม่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ผู้ที่มีส่วนได้เสีย ตามตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๕๗ ๕๘ ๗๔ ๘๗(๒ ) และพระราชกฤษฎีกานี้ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีพ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๘ (๓) ในการประกาศขึ้นดอกเบี้ยระหว่างธนาคารแ ละไม่ควบคุม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รวมถึงการแก้ปัญหาไม่ตรงประเด็นของรัฐบาลในการที่จะป้องกันอัตราเงิน เฟ้อ (เพราะส่วนหนึ่งไม่ควบคุมราคาสินค้า ) และ จึงเกิดความเสียหายตามมามากมาย

จากความเสียหายเหล่านี้ ผู้ฟ้องคดี จึงขอฟ้องคดี เพื่อให้ศาลได้โปรดพิจารณา เยียวยาแก้ไข ปัญหา การกำหนดนโยบาย การใช้อำนาจหน้าที่ที่มิชอบ ซึ่ง มีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ

ฉ. ผู้ฟ้องคดี จึงใคร่ขอให้ศาลโปรดพิจารณาสั่งการดังต่อไปนี้

๑ ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องขึ้นอัตราดอกเบี้ย ระหว่างธนาคาร ทั้ง สองฉบับ

๒ เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ ลดส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้และฝากไม่เกิน ๒%

๓ ขอไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้คุ้มครองชั่วคราว การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

จึงใคร่ขอกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ไต่สวน และขอไต่สวน ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันความเสียหายโดยเร็วที่สุด
ลงชื่อ ผู้ฟ้องคดีและผู้รับมอบ อำนาจ

พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี

ธนาคารแห่งประเทศไทย
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:07 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
คำฟ้องศาลปกครอง
http://www.thammapiban.com/2010/12/03/คำฟ้องศาลปกครอง/#more-958


O คำอุทธรณ์ฉบับย่อ คดีหมายเลขดำที่ ๑๕๙๓ / ๒๕๕๓

คดีหมายเลขแดงที่ ๑๗๖๔ / ๒๕๕๓

ศาลปกครองสูงสุด

วันที่ ๒๙ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๓

นายเรืองศักดิ์ เจริญผล กับพวก รวมสองคน ผู้ฟ้องคดี

ระหว่าง



คณะกรรมการนโยบายการเงิน ผู้ถูกฟ้องคดี

ข้าพเจ้า พท.พญ.กมลพรรณ์ ชีวพันธ์ศรี ผู้ฟ้องคดีและผู้รับมอบอำนาจผู้ฟ้องคดีที่ ๑

ตามที่ผู้ฟ้องคดีได้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครอง เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓ โดยมีผู้ถูกฟ้องคดี คือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๕๙๓/๒๕๕๓ และต่อมาศาลได้มีคำสั่งตามคดีหมายเลขแดงที่ ๑๗๖๔/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณาและให้ จำหน่ายคดี โดยแจ้งว่าผู้ฟ้องคดีไม่ใช่ผู้เสียหาย ความดังแจ้งแล้วนั้น

ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นชอบด้วยกับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าว เพราะผู้ฟ้องคดีมีความเดือดร้อนและเสียหายโดยชัดแจ้ง และโดยปริยาย จึงใคร่ขออุทธรณ์มายังศาลปกครองสูงสุด เพื่อได้โปรดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา ตามกระบวนการและอำนาจหน้าที่ต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีมีเหตุผลทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง ที่ใคร่ขออรรถาธิบายต่อศาลปกครองสูงสุด ดังนี้

ข้อ ๑ ผู้ฟ้องคดีกับพวก มีความเดือดร้อนและเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำหรือการปฏิบัติตามอำนาจ หน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดี กล่าวคือ ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ ได้เป็นลูกค้าและใช้บริการของสถาบันการเงิน ชื่อ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาทองหล่อ โดยได้เปิดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ บัญชีเลขที่ xxxx xxxx xx (ปรากฏตามสำเนาบัญชีธนาคาร เอกสารแนบหมายเลข ๑) แต่ก็ได้รับเงินเพิ่มในรูปของดอกเบี้ยของธนาคารในแต่ละปีหรือรอบบัญชีจำนวน ที่น้อยมาก (ปรากฏตามสัญลักษณ์ INT – ดอกเบี้ย) ในอัตรา ๐.๕ % ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นผู้ควบคุมดูแล

ในขณะเดียวกัน ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ ได้เป็นลูกค้าและใช้บริการของสถาบันการเงิน ชื่อ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และได้ใช้บริหารทำบัตรเครดิต กับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วย ซึ่งจะพบว่าในสำเนาใบแจ้งยอดการเรียกเก็บเงินนั้น มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่นแอบแฝงในอัตราที่สูงมากในแต่ละ รอบเดือนบัญชี ทั้งค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT ON COLLECTION EXP), ค่าติดตามทวงถาม (COLLECTION EXP), อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต ๑๕% ของยอดหนี้ (RETAIL INTEREST) และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินตามยอดหนี้ (CARD USAGE FEE – PURCHASE) ซึ่งผู้ฟ้องคดีและประชาชนทั่วไปที่จำเป็นต้องใช้บริการของสถาบันการเงินใน รูปแบบต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่มีอำนาจต่อรองใด ๆ เพื่อคุ้มครองการปริวรรตเงินตราของธนาคารต่าง ๆ หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้เลย เว้นแต่ผู้ถูกฟ้องคดีจะได้ใช้อำนาจทางปกครองในการควบคุม ดูแลแทนผู้ฟ้องคดี หรือผู้บริโภค หรือประชาชนทั่วประเทศ ที่จำต้องใช้บริการของสถาบันการเงินต่าง ๆ ดังกล่าว

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีปล่อยให้สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ คิดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้หรือบัตรเครดิต ในสัดส่วนที่ห่างหรือแตกต่างกันมากนั้น (Spread) ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เหล่านั้นนำเงินฝากของประชาชนไปแสวงหากำไรและผลประโยชน์ในรูปเงินกู้ เงินค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตในอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่นที่สูงมาก แต่จ่ายตอบแทนเงินของผู้ฝากเงินเป็นค่าดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่ต่ำมาก ในขณะที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๑๗ (๒) และมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๘/๗ คือ (๑)กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินของประเทศ โดยคำนึงถึงแนวนโยบายแห่งรัฐ สภาวะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ (๒) กำหนดนโยบายการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราภายใต้ระบบการแลกเปลี่ยน เงินตราตามกฎหมายว่าด้วยเงินตรา (๓) กำหนดมาตรการที่จำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายตาม (๑) และ (๒) และ (๔) ติดตามการดำเนินมาตรการของ ธปท. ตาม (๓) ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีพึงต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ แต่การกลับกันผู้ถูกฟ้องคดีกลับที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินหรือ ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ โดยการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เมื่อวันที่ ๑๔กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ และและ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๓ รวมเป็น๑.๗๕% โดยมิได้กำหนดควบคุมการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และฝากของธนาคาร ให้เป็นธรรมแก่ประชาชน ซึ่งทำให้สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้ประโยชน์อย่างมหาศาล ความแตกต่างหรือความห่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามมาอีกมากมายทันที

นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบจากการดำเนินนโยบายการเงินของต่าง ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา โดย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นโยบาย อยู่ที่ อัตรา ๐.๒๕% ไม่ขึ้นดอกเบี้ยประเภทนี้เพราะจะเป็นการเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจและผู้บริโภค
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:09 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ข้อ ๒ ศาลที่เคารพ ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ เป็น“สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง” ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.๒๕๕๑ (ปรากฏตามหนังสือแต่งตั้งสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง เอกสารแนบ ๓) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา ๕ และมาตรา ๖ คือ

มาตรา ๕ ให้มีสภาพัฒนาการเมือง มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุขและส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

มาตรา ๖ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๕ ให้สภาพัฒนาการเมืองมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้(๔)ง) ส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือประชาชน ชุมชน และองค์กรภาคประชาสังคมให้สามารถใช้สิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ทั้งในการรับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย การวางแผนด้านต่าง ๆ ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น การตัดสินใจทางการเมือง การจัดทำบริการสาธารณะและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ

ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ นอกจากจะเป็นผู้ที่เดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตางจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีแล้ว การที่ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ เป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง และต้องปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการ เมือง พ.ศ.๒๕๕๑ บัญญัติ จึงเป็นหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ฟ้องคดีที่จะต้องทำหน้าที่ในการติดตาม สอดส่อง และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ อีกประการหนึ่งด้วย

ข้อ ๓ ศาลที่เคารพ การที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีนี้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ก็เพราะผู้ฟ้องคดีเดือดร้อนและเสียหาย และเพื่อที่จะปกป้องและรักษาสิทธิของตนเองและประชาชนอื่น ๆ ทั้งประเทศ ตามสิทธิและหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดและให้การคุ้มครองไว้ โดยเฉพาะมาตรา ๖๐ ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “บุคคล ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องหน่วย ราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล ให้รับผิดเนื่องจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานนั้น” ได้ รวมทั้งมาตรา ๗๑ บัญญัติให้ “บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย” และมาตรา ๗๔ บัญญัติว่า “บุคคลผู้ เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

นอก จากนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังกำหนดในมาตรา ๒๒๓ กำหนดให้ “ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีพิพาทระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกัน อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย หรือเนื่องมาจากการดำเนินกิจการทางปกครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ รวมทั้งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเรื่องที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติ ให้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง…” และในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓ ก็กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว้า “หน่วยงานทางปกครอง” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้ง ขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ ดำเนินกิจการทางปกครอง และหรือ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า

(๑) ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง คณะบุคคล หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง

(๒) คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท คณะกรรมการหรือบุคคลซึ่งมีกฎหมายให้อำนาจในการออกกฎ คำสั่ง หรือมติใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อบุคคล และ

(๓) บุคคลที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม (๑) หรือ (๒)

ผู้ ฟ้องคดี เป็นประชาชนคนไทย ถือบัตรประชาชนไทย มีสิทธิและ หน้าที่ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา ๓ มาตรา ๕ และมาตรา ๖ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้

ผู้ฟ้องคดีนอกจากจะเป็นผู้ เดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรงแล้ว ผู้ฟ้องคดียังมีตำแหน่งหน้าที่ทางสาธารณะตามกฎหมาย จึงย่อมที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติหรือกำหนดอำนาจหน้าที่ ไว้ เมื่อพบเห็นหรือเล็งเห็นผลชัดเจนแล้วว่าการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีนั้นจะทำ ให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหายอย่างมหาศาลตามมามากมาย ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ เป็นวงกว้าง จึงต้องใช้สิทธิและหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นกำหนดไว้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ เพราะประชาชนผู้เสียหายโดทั่วไปอาจจะไม่กล้าที่จะฟ้องหน่วยงานรัฐ เพราะเกรงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ หรือ ส่วนบุคคลของตนเอง การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประชาชนทุกคนสามารถที่จะฟ้องหน่วยงานรัฐเพื่อทำ หน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ชาติ ซึ่งได้ตราไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๖๐ มาตรา ๗๑ และมาตรา ๗๔ จึงเป็นสิ่งที่ศาลปกครอง และหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมาย หรือผู้ที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม ควรที่จะใช้ดุลยพินิจในทางสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีกำลังใจในการ ปฏิบัติหน้าที่ และภารกิจในการปกป้องผลประโยชน์ชาติ

ประชาชนทุก คนที่ทำนิติกรรมกับสถาบันทางการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ ย่อมมีสิทธิเป็นผู้เสียหาย ตามนัยยะของรัฐธรรมนูญมาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๕ มาตรา ๖ ประกอบมาตรา ๖๐ มาตรา ๗๑ และมาตรา ๗๔ และชอบที่จะนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ มาตรา ๔๐ ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้

(๑) สิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง

(๒) สิทธิพื้นฐานในกระบวนพิจารณา ซึ่งอย่างน้อยต้องมีหลักประกันขั้นพื้นฐาน เรื่อง การได้รับการพิจารณาโดยเปิดเผย การได้รับทราบข้อเท็จจริงและตรวจเอกสารอย่างเพียงพอ การเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง และพยานหลักฐานของตน การคัดค้านผู้พิพากษาหรือตุลาการ การได้รับการพิจาณาโดยผู้พิพากษาหรือตุลาการที่นั่งพิจาณาคดีครบองค์คณะ และการได้รับทราบเหตุผลประกอบคำวินิจฉัย คำพิพากษา หรือคำสั่ง

(๓) บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะให้คดีของตนได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรม

(๔) ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา โจทก์ จำเลย คู่กรณี ผู้มีส่วนได้เสีย หรือพยานในคดีมีสิทธิได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมในการดำเนินการตามกระบวนการ ยุติธรรม รวมทั้งสิทธิในการได้รับการสอบสวนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม และการไม่ให้ถ้อยคำเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง

…. ฯลฯ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ มาตรา ๘๑ ยังได้บัญญัติว่า “รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านกฎหมายและการยุติธรรม ดังต่อไปนี้

(๑) ดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง รวดเร็วเป็นธรรม และทั่วถึง ส่งเสริมการให้ความช่วยเหลือและให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน และจัดระบบงานราชการและงานของรัฐอย่างอื่นในกระบวนการยุติธรรมให้มี ประสิทธิภาพ โดยให้ประชาชนและองค์กรวิชาชีพมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม และการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย

(๒) คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้พ้นจากการล่วงละเมิด ทั้งโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐและโดยบุคคลอื่น และต้องอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน

(๓) จัดให้มีกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายที่ดำเนินการเป็น อิสระเพื่อปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยต้องรับฟังความคิดเห็น ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนั้นประกอบด้วย

ผู้ถูกฟ้องคดี ได้กระทำการหรือละเว้นในการปฎิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม การปฏิบัติหน้าที่โดยการออกระกาศมติดังกล่าว ทำให้ผู้ฟ้องคดีเดือดร้อนหรือเสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติของผู้ ถูกฟ้องคดี เพราะได้ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปทั้งประเทศที่ได้ทำนิติกรรมกับสถาบันทางการ เงินหรือธนาคารพาณิชย์ เสียหายหรือได้รับผลกระทบ เพราะผลจากการออกกฎหรือคำสั่งตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธนาคาร สถาบันทางการเงินหรือธนาคาร พาณิชย์ ทำให้มีกำไรสุทธิทั้งหมดในเก้าเดือนแรก ๘๔,๙๓๗ ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นเกือบ ๒๕% (กำไรเพิ่มขึ้น ๑๗,๐๑๓ ล้านบาท) เทียบกับปีที่ผ่านมาในปี พ.ศ.๒๕๕๒ ของช่วงเวลาเดียวกัน แต่ในฝากของประชาชนผู้ฝากเงินและใช้บริการทางการเงินหรือผู้กู้เงินหรือใช้ บัตรเครดิตนั้น เกิดความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า มีการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศในช่วงสามเดือนที่สาม( ไตรมาสสามคือกค-กย ๕๓ )จำนวน เกือบแสนล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ เป็นวงกว้าง ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทำให้ขายผลิตผลหรือสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ได้มูลค่าลดลง ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมธนาคาร และดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงเพิ่มมากขึ้น อันมีผลมาจากการออกประกาศดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ใช้อำนาจใช้ดุลพินิจ โดยมิชอบ คือ ไม่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ศึกษาต้นเหตุเงินเฟ้อที่ถูกต้องเที่ยงธรรม ไม่ควบคุม การค้ากำไรเกินควรของธนาคาร และบริษัทนำเข้าสินค้าสาธารณะ เช่น สินค้าพลังงานที่เป็นต้นทุนของสินค้า ทุกชนิดเสียก่อนอย่างรอบด้าน และฟังเสียงสาธารณะหรือเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้มีส่วนได้เสียให้ข้อเสนอ แนะหรือความเห็นตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องเสียก่อน

อีกประการหนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานทางปกครองของรัฐ เป็นนิติบุคคล ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ หรือ ธปท. ที่บัญญัติให้ ธปท. เป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ฯ ดังนั้น เมื่อหน่วยงานรัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้ยึดหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๓ วรรคสอง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จนสร้างความเสียหายต่อแผ่นดินอย่างมากและเอื้อประโยชน์ธนาคารต่างๆ ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน คือนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ในฐานะ ประธานกรรมการของผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเคยปฏิบัติงานในหน่วยงานในสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ของเอกชนมา ก่อน (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ) จึงอาจจะเอื้อประโยชน์ต่อธนาคารพาณิชย์ของเอกชนมากกว่าผลประโยชน์ของ ประชาชนและประเทศชาติ เพราะส่วนต่างของดอกเบี้ย ระหว่างเงินกู้และฝากเพิ่มมากขึ้นหรือห่างขึ้น แต่ผลกลับไปสร้างความเดือดร้อน และเบียดเบียนแก่ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำด้วยความสุจริต โดยเฉพาะผู้กู้เงิน ผู้ใช้บริการธนาคารต่างๆ แต่กลับไปสร้างกำไรจำนวนมหาศาลให้กับสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ทุก แห่ง ที่มีผลประกอบการ กำไรสุทธิ เป็น ๘๔,๙๓๗ ล้านบาท ในช่วงเก้าเดือน (ม.ค.-ก.ย. ปี ๒๕๕๓) ที่ผ่านมา โดยสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น ๒๕% (๑๗,๐๑๓ล้านบาท) ซึ่งกำไรส่วนใหญ่มาจาก ดอกเบี้ยมากกว่า ค่าธรรมเนียมธนาคาร ซึ่งเป็นการสร้าง ความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมแก่สังคมประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และหากปล่อยให้คำสั่งทางปกครองดังกล่าวบังคับใช้เนิ่นนานออกไป ผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งตัวมากและเร็วผิดปกติ จะแสดงผลปรากฏชัดเจนมากขึ้นในกาลภายหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบธุรกิจส่งออกที่สำคัญต่าง ๆ ของประชาชนโดยเฉพาะภาคธุรกิจส่งออก ที่เป็นรายได้ถึง๗๐ % ของประเทศ

การอ้างประกาศขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ หาใช่เป็นไปดังคำอ้างไม่แท้ ที่จริงแล้ว การเกิดเงินเฟ้อบางส่วน เนื่องจากการไม่ควบคุมต้นทุน และการกำกับดูแลจากหน่วยงานของรัฐอย่างเข้มงวดต่างหาก เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงสามเดือน ก.ค.-ก.ย. ปี พ.ศ.๒๕๕๓ มีมากถึงจำนวน ๗,๔๐๐ ล้านบาท สร้างผลกำไรให้กับกลุ่ม ปตท. ขึ้นมาทันทีอย่างมหาศาล ๓๘,๐๐๐ ล้านบาท (ปรากฏ ตามเอกสารแนบ ๔) แต่ทว่าเกิดผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากจากการแข็งตัวของค่าเงินบาท ทั้งๆที่ประชาชนควรได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูกลง

ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดี เห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ใช้อำนาจทางปกครองไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม โดยไม่ยกเลิกการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ควบคุมการเก็งกำไรของเงินตราต่างประเทศ ไม่ควบคุมการเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคาร ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ไม่รับฟังความคิดเห็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย ไม่วิเคราะห์วิจัยอย่างรอบคอบก่อนที่จะออกประกาศหรือคำสั่งหรือกฎใด ๆ ที่อาจจะมีผลกระทบแก่สาธารณะหรือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกกฎหรือคำสั่งหรือประกาศดัง กล่าว ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและ สังคมที่ดี พ.ศ.๒๕๔๒ และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.๒๕๔๖ ทำให้ผู้ฟ้องคดี ประชาชนและประเทศชาติ เสียหาย

เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และประโยชน์สาธารณะ ขอศาลปกครองสูงสุดได้โปรดกลับหรือมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้เพื่อพิจารณาในประเด็นแห่งการพิพาท เพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามคำขอของผู้ฟ้องคดีต่อไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

(พท.พญ.กมลพรรณ์ ชีวพันธ์ศรี )

ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ และผู้รับมอบอำนาจผู้ฟ้องคดีที่ ๑++
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:13 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
หนังสือถวายฎีกา
http://www.thammapiban.com/2010/11/15/หนังสือถวายฎีกา/#more-946


วันที่ ๑๑ พฤษจิกายน ๒๕๕๓

กราบเรียน ท่าน ราชเลขาธิการประจำสำนักราชเลขาธิการ

สำเนา สื่อมวลชนทุกท่าน

ข้าพเจ้าพท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี และเพื่อนๆประชาชนชาวไทย ที่มีรายชื่อด้านล่างนี้ ขอยื่นถวายฎีกา ในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่บริหารแผ่นดินของรัฐบาล และผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากจะเกิดปัญหาอันใหญ่หลวงตามมาในไม่ช้า จากการติดตามการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองดังต่อไปนี้

ก. ด้านเศรษฐกิจการเงิน
ของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย สองครั้งคือเดือน๑๔ ก.ค. และ๒๕ส.ค ๕๓ โดยอ้างเรื่องเงินเฟ้อ (คือของแพงขึ้น) แต่ไม่ได้ดูไปที่ต้นเหตุที่แท้จริง หรือไม่ได้กำกับควบคุมราคาสินค้า ตามต้นทุนที่แท้จริง เช่นปล่อยให้ราคาน้ำมันเเพงขึ้น ๑๗% ทั้งที่ราคาน้ำมันตลาดโลกไม่ได้แพงขึ้น๓-๔% ไม่ได้ปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๓ (หลักนิติธรรม) และมาตรา ๕๗ ๕๘ ในการประกาศนโยบาย การขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย ไม่ได้รับฟังความคิดเห็น ของประชาชน ไม่ได้ศึกษาวิเคราะห์ อย่างรอบคอบ ตาม พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีพ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา๘ (๓) ไม่ได้กำกับควบคุมการค่าธรรมเนียม การบริการ และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร กลับปรากฎว่า

การประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ในวันที่๑๔กค ๒๕๕๓ และ๒๕สิงหาคม ๒๕๕๓ ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น ชัดเจนและรวดเร็ว ( (จากกร๊าฟค่าเงินบาทเอกสารแนบ ๑ )

ส่งผลผลกระทบ (http://t.co/BdaPlHE)

- คนฝากเงินรับดอกเบี้ยฝากต่ำ คนกู้เงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สูง ประชาชนแบกรับภาระทั้งหมด ทั้งขึ้นทั้งล่อง

- ผู้นำเข้ามีกำไรจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ไม่ได้ลดราคา เช่นน้ำมัน สินค้าแบรนด์เนม ปุ๋ยเคมีภัณฑ์ ตามข่าวปรากฎตามสื่อต่างๆ

- ผู้ส่งออกขาดทุนจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

- กระทบเกษตรกร หรือผู้ผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เพื่อการส่งออก

- เงินไหลเข้ามากขึ้น ในช่วงสามเดือนที่ ผ่านมา เกือบแสนล้านยิ่งส่งเสริมให้ ค่าเงินแข็งค่ามากขึ้น และกระทบต่อ ภาคธุรกิจส่งออกอย่างกว้างขวาง

สรุปผลกระทบ จากเงินบาทแข็ง คือ

๑ ธุรกิจส่งออก ทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม เอกสารแนบ ๒ เช่น

๑.๑ ภาคอุตสาหกรรม สูญเสียรายได้จากการขายสินค้าส่งออกกว่า สามแสนล้านบาท จากการเปิดเผยของ นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผลกระทบต่อ กลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า เสื้อผ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เยื่อและกระดาษ อาหารสำเร็จรูป และเกษตรแปรรูป เอกสารแนบ…..

๑.๒ ธุรกิจ ส่งออก สินค้าเกษตร กุ้ง ไก่ สัปรด รายได้ลดลง ๒.๒ หมื่นล้านบาท เอกสารแนบ…

๑.๓ ธุรกิจ ส่งออก จากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า สูญเสียแสนกว่าล้าน

๑.๔ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ๒๐ อุตสาหกรรม

ที่น่าห่วงใยคือ ผลประกอบการของนักธุรกิจ เริ่มกำไรหดหาย กำไรหด ๕๐% แล้ว ตั้งแต่ต้นปี สุดท้าย อาจจะอยู่ไม่ได้ ธุรกิจล้ม

ที่สำคัญหากปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งไปเรื่อยๆโดยไม่มีมาตรการป้องกัน ค่าเงิน และการไหลเข้าออกของเงินตราต่างประเทศ อาจจะแข็งมากจนธุรกิจส่งออกอยู่ไม่ได้ รวมทั้งหากปล่อยให้เงินไหล

เข้ามามากๆหากต่างชาติเขาต้องการโจมตีค่าเงิน หรือเทขายจำนวนมาก จะทำให้ค่าเงินตกลงมาก สุดท้ายอาจจะเกิดเหตุการณ์เหมือนปี ๒๕๔๐

จากกร๊าฟ จะเห็นว่า ค่าเงินบาทแข็งตัวเพิ่มขึ้นชัดเจน เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย กค-สค ๕๓ จาก ๓๒.๒๕ ลงมาเหลือ ๒๙-๓๐บาทต่อดอลล่าร์

๒ ผลดีของการที่ค่าเงินแข็งตัว คือ กลุ่มธนาคารได้รับอานิสงค์เช่น เอกสารแนบ ๓

๒.๑ ธุรกิจธนาคาร กำไร เพิ่มขึ้น เป็นพันล้าน หมื่นล้าน ตามเอกสารแนบ

๒.๒ ผู้นำเข้าเช่นน้ำมัน สินค้าแบรนด์เนม แต่น้ำมันไม่ได้ลดราคาลง กลับแพงขึ้น ๑๗% (ที่มา กระทรวงพาณิชย์ เอกสารแนบ..๔…… )

ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และมีคุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล มาจากธนาคารกสิกรไทย ส่วนเจ้าของธนาคารบางแห่ง มี นามสกุลเดียวกับคนในพรรคการเมืองบางพรรค ผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ สัดส่วนความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับ

เงินกู้ต่างกัน ๕-๖% โดยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน มิได้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ธนาคาร(เอกชน)กำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยสูง และ

มีผลประกอบการของธนาคารเอกชนที่กำไรจากการบริหารและส่วนต่างของดอกเบี้ย มากมาย เช่น

๒.๓ แบงก์กสิกรไทยเผยผลการดำเนินงานไตรมาส ๒ กำไรพุ่ง ๔.๗ พันล้านบาท ฟันส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มจาก ๓.๖๖ % เป็น ๓.๗๘%

๒.๔ ธนาคารอื่นๆพากันกำไรถ้วนหน้า เอกสารแนบ. ตั้งแต่ ๕๐๐ล้าน(เกีรยตินาคิน)ถึง ๑๙,๐๐๐ล้าน(ธนาคารกรุงเทพฯ ) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๒ ยกเว้นธนาคารเดียวที่กำไรเพิ่ม๗ล้าน (ICBC)

๒.๕ จากบทความคุณสุทธิพันธ์ ภู่ระหงษ์ในกรุงเทพธุรกิจ วันที่๒๖ตค.๕๓ กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ ๑๒แห่งมีผลประกอบการกำไรในไตรมาส สาม ทั้งหมด ๓๐,๔๔๓ ล้าน เพิ่มขึ้น ๕,๐๐๐ ล้าน จากปีที่แล้ว ในช่วงเก้าเดือนกำไร ๘๔,๙๓๗ ล้าน รายได้หลักมาจากการปล่อยสินเชื่อ คืออัตราส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และฝาก ซึ่งห่างประมาณ ๖%ส่วนอัตราส่วนต่างสุทธฺอยู่ที่ ๓_๔% ทั้งๆที่ ของ ต่างประเทศอยู่ที่๑%

การประกาศนโยบายดังกล่าว ยังทำให้ ต่างชาติ ขนเงินเข้าประเทศทั้งจาก การซื้อขายหุ้นการเก็งค่าเงินบาท การเก็งกำไรดอกเบี้ย ลงทุน ในตลาดตราสารหนี้ เงินต่างประเทศเข้าสู่ไทยมากขึ้นภายในสามเดือน (กค.+สค.+ กย.๕๓)เกือบหนึ่งแสนล้าน (๒๑,๐๙๗+ ๒๗,๓๔๔+๔๔,๔๓๘ = ๙๒,๘๗๙ ล้านบาท ) ซึ่งมากกว่าที่เข้าสู่ตลาดหุ้น แสดงให้เห็นว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนหนึ่ง เพราะเงินไหลเข้ามานั้นมาเก็งกำไรดอกเบี้ย จากตราสารหนี้ และอื่นๆ สอดรับกับ ข้อคิดเห็นของ ดร .วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรี คลัง ที่เขียนบทความในประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ว่า ค่าเงินบาทแข็งเร็วเกินไป โดยกล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นย่อมมีผลกระทบ ต่อการส่งออก
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:15 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
สาเหตุสำคัญที่เงินบาทแข็งเร็วมากผิดปกติ ส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญก็เพราะ ธปท.ประกาศขึ้นดอกเบี้ย แถมยังประกาศล่วงหน้าว่าจะขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายปี

ขณะเดียวกันเจ้าของเงินดอลลาร์คือสหรัฐอเมริกาประกาศตรึงดอกเบี้ยไว้ (0-0.๒๕%) ไม่ขึ้นดอกเบี้ย จึงเป็นเหตุให้ผลต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินบาท กับเงินดอลลาร์ถ่างมากขึ้น ผลตอบแทนต่อเงินบาทสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผลตอบแทนต่อการถือเงินดอลลาร์ ฝรั่งจึงขนเงินดอลลาร์มาแตกเป็นเงินบาท แล้วนำมาลงทุนในตลาดพันธบัตร ตลาดหุ้น

ฝรั่งนำเงินเข้ามาซื้อ ราคาหุ้นก็ขึ้น ค่าเงินบาทก็แข็งขึ้น เวลาขึ้นเขาก็ขายได้กำไร ได้กำไรไปแล้วก็ไม่ต้องเอาออก ฝากธนาคารในเมืองไทยก็ได้ดอกเบี้ยมากกว่าเมืองนอก

เช่นเดียวกับหม่อมหลวงปรียาธร เทวกุล ที่กล่าวว่า นักลงทุน กู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำใกล้ ๐%จากอมเริกา เป็นUS ดอลล่าร์ แล้วมาลงทุนในเมืองไทยที่ได้กำไร๓-๔% ใครจะไม่เอา เอกสารแนบ…..จึงทำให้เงินไหลเข้าประเทศมากขึ้น และทำให้ค่าเงินไทยเราแข็งขึ้น

ดังนั้นการที่กนง. ไม่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ผู้ที่มีส่วนได้เสีย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๕๗ ๕๘ ๗๔ และพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีพ.ศ.

๒๕๔๖ มาตรา ๘ (๓) ในการประกาศขึ้นดอกเบี้ยระหว่างธนาคารแ ละไม่ควบคุม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้การไม่ควบคุมกำกับค่าธรรมเนียมธนาคาร ตามรัฐธรมมนูญมาตรา ๘๔(๖)ที่ให้กระจายรายได้อย่างเป็นธรรมทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมธนาคารในเก้า เดือนแรก มีสัดส่วน ๑๔๘,๐๐๐ ล้านบาท เอกสารแนบ…… รวมถึงการแก้ปัญหาไม่ตรงประเด็นของรัฐบาล ในการที่จะป้องกันอัตราเงินเฟ้อ (เพราะส่วนหนึ่งไม่ควบคุมราคาสินค้า การไม่ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินตราต่างประเทศ ) จึงเกิดความเสียหาย ตามมามากมาย

ดังนั้นข้าพเจ้า จึงใคร่ขอให้ โปรดพิจารณาดังต่อไปนี้

๑ ประกาศ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง ๑% ทันที

๒ เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ ลดส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้และฝากไม่เกิน ๒% และลดค่าธรรมเนียมธนาคารลง

๓ เก็บภาษีจากการเก็งกำไรค่าเงินบาท และการซื้อขายหุ้น รายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ หรือพันธบัตรเงินกู้ ให้มากขึ้น และให้เงินที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ไม่ให้เงินเข้าออกเสรี

ข.ปัญหาเรื่อง คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง มีการวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่า

มีผู้แทนเพียง๕ %เท่านั้นทีเข้ามาโดยไม่ซื้อเสียงที่เหลือคือซื้อสิทธิขายเสียงทั้งสิ้นรวมทั้งมีข่าวเรื่อง

การโกงคะแนนแต่ไม่มีการป้องกันแก้ไขจากกต ทำให้เกิดปัญหาวงจรเลวร้ายมาตลอดครั้งแล้ว ครั้งเล่า ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองมา๗๘ปี โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขจากรัฐบาลทุกรัฐบาลซึ่งควรจะป้องกันได้แ ละให้ใช้เงินน้อยๆในการสมัครเลือกตั้งและหาเสียง (เอกสารแนบ )

ค. เรื่องการศึกษาชาติ ลงทุนมากมาย แต่ยิ่งเรียนยิ่งไอคิวลดลง มีผู้จัดการศึกษาได้ดี แต่ไม่ได้เรียกมาใช้ให้ทำเช่นครูโรงเรียน สาธิตต่างๆ แต่ให้ใช้หลักสูตรมากมายซ้ำซ้อน และไม่เหมาะสม ไม่ตามหลักวิชาการทางการแพทย์ ไม่มีการปฏิบัติหรือนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง เรียนจนหัวโต แต่ ชีวิตจริงมีปัญหา ไม่ว่าเรื่องพฤติกรรมเยาวชนที่มากขึ้น ปัญหาสติปัญญา ศักยภาพเด็กไทย

ร้องเรียนเท่าไรไม่เคย แก้ไข ยกเลิก ยิ่งบังคับให้เด็กเรียนมากขึ้น อ้างความรู้รอบตัว แต่ ไม่มีประเทศไหนในโลกจัดการศึกษาแบบนี้ แต่ผลลัพท์ที่ได้คือ กวดวิชามากขึ้น เด็กไอคิวลดลง เครียดมากขึ้น เช่นงานบ้านเรียนตั้งแต่ประถม ๑ จนถึงมัธยม ๖ ทั้งๆที่ ควรเรียนรู้และปฎิบัติ

ได้สองสามปีพอแล้ว

เด็กไม่ชอบสายวิทย์ก็ต้องบังคับเรียน และไม่ได้เอาไปใช้จริง เช่นจะเรียนสาขาท่องเที่ยว

ต้องมาเรียนวิทย์คณิตทั้งๆที่จะต้องใช้จำนวนภาษาที่หลากหลาย แต่ไม่มีโอกาสได้เรียน เพราะต้องใช้คะแนนONET ทุกวิชา ทำให้เสียเวลา และค่าใช้จ่ายเด็ก เสียแรงงานครู ไร้ประโยชน์ และการสอบคัดเลือกเข้ามาหวิทยาลัยไม่ได้แยกสอบวิทยาศาสตร์ และสัดส่วนไม่สอดคล้องกับสาขาคณะที่จะเรียน ทำให้เด็กที่เข้าไป ด้วยคะแนนสังคม ภาษาไทยที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิทย์เรียนไม่ได้ต้องลาออกหรือได้คุณภาพต่ำจึงมี ผลทำให้สูญเสีย

งบ ประมาณแผ่นดิน

เวลาปฏิรูปการศึกษาชาติใช้คนเดิมๆแนวคิดเดิมๆมาทำ ผลที่ได้จึงเหมือนเดิม ไม่ไปไหน

การปลูกฝังให้เป็นเด็กดีมีศิลธรรม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ได้จัดทำทั้งๆที่ง่ายดาย ไม่ต้องแก้ไขอะไรตรงไหนเพียงแต่ปรับกระบวนการเรียนการสอน แต่ไม่ทำ และมีคู่มือคร สอนให้เด็กเป็นคนดีมีศักยภาพ มีจิตสาธารณะ รักบ้านเมือง โดย ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ผู้นำศาสนาต่างๆ กลุ่มครูสาธิต แพทย์

ระบบแอดมิชชั่นที่สร้างความเสียหายก็ยังไม่ยกเลิกมาร้องที่สำนักงานราชเลขา ก็ไม่มีความคืบหน้า ห้า -หกปีผ่านไป ไม่มีผลใดๆเกิดขึ้น

รายละเอียดแนวทางแก้ไข ตามเอกสารแนบ

ง. การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการ และองค์กรอิสระ เช่นปปช ตุลาการศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงพวกใครพวกคนนั้น ไม่ได้ตรงไปตรงมา ใช้กฎหมายเอื้อพรรคพวก แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักนิติธรรม ซึ่งควรแก้ไขเรื่องที่มาของกลุ่มคนเหล่านี้ต้องมีประวัติ มีความเที่ยงธรรมนอกเหนือจาก มีความรู้ด้านกฎหมายแล้ว ควรมีผู้นำศาสนามาเป็นผู้คัดเลือก และตำแหน่งสูงๆระดับผู้นำ น่าจะใช้การเลือกมาจาก ประชาชนทั้งประเทศ เช่นประธานปปช ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน

ข้าพเจ้าไม่รู้จะไปร้องเรียนกับผู้ใดเพราะกระบวนการยุติธรรมหวังพึ่งไม่ได้ แต่ประเทศชาติกำลังเข้าสู่หายนะ หลากหลายประการทั้งศักยภาพคนในชาติปัญหาเศรษฐกิจที่จะล่มจมเดือดร้อนการได้คนไม่ ดีมาปกครองบ้านเมืองเพราะไม่แก้ไขวิธีการที่จะได้มา ปัญหาประเทศจึงวนเวียนอยู่ในวงจรชั่วร้ายมีวิธีแก้ไขแต่ยังไม่มีใครเอาไป ปรับแก้ แต่จะแก้ไขในส่วนที่ตนจะได้ประโยชน์เช่นการเลือกตั้งแบบเบอร์เดียวเขตเดียว ซึ่งจะซื้อเสียงได้ง่าย และ คนโกงเข้ามาปกครองบ้านเมืองมากขึ้น ฯลฯ

จึงใคร่ขอกราบเรียนมาเพื่อโปรดเร่งพิจารณาแก้ไขด่วน เพื่อมิให้ประชาชนได้รับ

ผลกระทบ และเสียหายไป มากกว่านี้ ขอกราบขอบพระคุณยิ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ขอแสดงความนับถือ

พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:18 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
แบงค์ชาติหมกเม็ด ขาดจริยะธรรม
http://www.thammapiban.com/2010/12/03/แบงค์ชาติหมกเม็ด-ขาดจริ/


การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็น 2% ด้วยเหตุที่อ้างเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ (อเมริกา อยู่ที่ 0.25% ไม่ขึ้นมาก เพราะเกรงว่าจะกระทบต้นทุนภาคธุรกิจ และสินค้าอุปโภค บริโภค ) และการไม่ควบคุมกำกับธุรกรรม ของ ธนาคารต่างๆ แต่ผลลัพท์ที่จริงที่เกิดขึ้นได้แก่

1เงินนอกไหลเข้าอย่าเสรี มาตรการที่ออก ได้ผลเล็กน้อยมาก

2เมื่อเงินไหลเข้ามาเก็งกำไร เป็นแสนล้าน ทำให้ค่าเงินบาทแข็งรวดเร็ว กระทบธุรกิจส่งออก ที่มีสัดส่วนถึง70% ของรายได้ของประเทศ สูญเสียรายได้เป้นหมื่นล้านแสนล้าน

3 การไม่ควบคุมธุรกรรมของธนาคารทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ มากขึ้น เช่นกสิกรไทยจาก 3.66เป็น 3.87 % กำไรสุทธิ์ของธนาคารพาณิชย์ ในเก้าเดือนแรก จำนวน 84,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับปี 2552 สัดส่วนความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ต่างกัน ๕-๖%

4 ค่าธรรมเนียมธนาคาร ก็เพิ่มสูงมาก รายได้ประมาณ 148,000 ล้านบาท

5 บริษัทนำเข้าเช่น กลุ่มปตท .กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 7400 ล้านบาท ในไตรมาส สาม (กค-กย 53 )

ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน มีคุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล มาจากกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย

ทั้งหมดชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดคือประชาชน ที่ไม่ใช่ธุรกิจธนาคาร แต่ธนาคารชาติ อ้างเหตุ ที่ไม่ตรงไปตรงมา โดยถือว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่อง

ดังนั้นจึงใคร่ขอความกรุณาสื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ และช่วยกันดุแลทักท้วงให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน ขอบพระคุณยิ่ง

พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี


วันที่ 2 ธค 2553

เรื่องขอร้องเรียนความไม่เป็นธรรมในการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

กราบ เรียน ท่านประธานวุฒิสภา คุณประสบสุข บุญเดช

เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็น 2% ด้วยเหตุที่อ้างเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ (อเมริกา อยู่ที่ 0.25% ไม่ขึ้นมาก เพราะเกรงว่าจะกระทบต้นทุนภาคธุรกิจ และสินค้าอุปโภค บริโภค ) และการไม่ควบคุมกำกับธุรกรรม ของ ธนาคารต่างๆ แต่ผลลัพท์ที่จริงที่เกิดขึ้นได้แก่

1เงินนอกไหลเข้าอย่าเสรี มาตรการที่ออก ได้ผลเล็กน้อยมาก

2เมื่อเงินไหลเข้ามาเก็งกำไร เป็นแสนล้าน ทำให้ค่าเงินบาทแข็งรวดเร็ว กระทบธุรกิจส่งออก ที่มีสัดส่วนถึง70% ของรายได้ของประเทศ สูญเสียรายได้เป้นหมื่นล้านแสนล้าน

3 การไม่ควบคุมธุรกรรมของธนาคารทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ มากขึ้น เช่นกสิกรไทยจาก 3.66เป็น 3.87 % กำไรสุทธิ์ของธนาคารพาณิชย์ ในเก้าเดือนแรก จำนวน 84,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับปี 2552 สัดส่วนความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ต่างกัน ๕-๖%

4 ค่าธรรมเนียมธนาคาร ก็เพิ่มสูงมาก รายได้ประมาณ 148,000 ล้านบาท

5 บริษัทนำเข้าเช่น กลุ่มปตท .กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 7400 ล้านบาท ในไตรมาส สาม (กค-กย 53 )

ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน มีคุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล มาจากกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย

ทั้งหมดชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดคือประชาชน แต่ธุรกิจธนาคารกำไรได้ประโยชน์ แต่ธนาคารชาติ อ้างเหตุ ที่ไม่ตรงไปตรงมา โดยถือว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่อง

ดังนั้นจึงใคร่ขอความกรุณาท่านโปรดทักท้วงไปยังรัฐบาล เพื่อเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบและช่วยให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน ขอขอบพระคุณยิ่ง

ขอแสดงความนับถือ

พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:20 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
วันจันทร์ ที่ 11 ตุลาคม 2553
แก้ปัญหาค่าเงิน หนังสือถึงคุณกรณ์ จากติกวณิชย์ (E-mail จากพท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี)
http://www.oknation.net/blog/rivermoon/2010/10/11/entry-1
Posted by indexthai , ผู้อ่าน : 828 , 11:07:26 น.
หมวด : เศรษฐกิจ
พิมพ์หน้านี้ โหวต 2 คน




พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี

เรียนท่านที่ห่วงใยบ้านเมือง และสื่อมวลชนทุกท่าน

รมต.คลัง และผู้ว่าการ ออกมาให้ข่าวผ่านสื่อหลากหลาย เรื่องการแก้ปัญหาค่าเงินบาทที่ยากเกินแก้ไข

แต่ ความเป็นจริง หาก เรามองกร๊าฟค่าเงินตามเอกสารแนบ เราจะเห็นปรากฎการณ์ชัดเจน เรื่องค่าเงินกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สอดคล้องกันมาก ซึ่งสอดคล้องกับ ความเห็นของดร โกร่ง

ถ้าไม่มีสติปัญญาเปรียบเทียบวิเคราะห์ ค่าเงินกับดอกเบี้ยนโยบาย ควรลาออกจากการเป็นผู้บริหาร หรือรมต.ทันที

ไม่ อยากยุ่งหรอกเพราะคนละด้าน แต่ (รัฐบาล) ทำให้ชาติเสียหายมากมาย เเถมยังไม่รู้สึกรู้สา ว่าประชาชนเดือดร้อน เอกชนเดือดร้อน แต่ที่รวยคือ พวกธนาคาร

(ช่างสอดคล้องกับ คำกล่าวอ้างของฝ่ายเสื้อแดงที่ว่ารัฐบาลนี้อุ้มชูธนาคารฯ)

แถม แก้ปัญหาล่าช้า เถไถไปเรื่อย

ไม่อยากบอกว่ารัฐบาล แก้ปัญหาไม่เป็น หรือแกล้งโง่กันแน่ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร

ขอให้สื่อมวลชน ช่วยเหลือประชาชนในยามที่ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งหลายสื่อก็พยายามสะท้อนความเสียหาย

ต้องขอบพระคุณยิ่ง

และ ขออภัยหากรบกวน

ไม่อยากยุ่งเกี่ยวแต่ จำเป็นต้องยุ่ง

ปรารถนาดี ต่อแผ่นดิน
กมลพรรณ


(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากลิ้งค์ต้นทางครับ)
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
สภาธรรมาภิบาล ส่งสาส์นถึง “กรณ์” ช่วยปรับลดดอกเบี้ย
http://www.chaoprayanews.com/2010/10/11/สภาธรรมาภิบาล-ส่งสาส์นถ/
* วันจันทร์ 11 ตุลาคม 2553 9:25




วันนี้ (11 ต.ค.2553) พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ส่งจดหมายเปิดผนึกส่งถึง นายกรณ์ และ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ผ่านสื่อมวลชนทุกท่าน ในนามสภาธรรมาภิบาล ระบุตอนหนึ่งว่า จากการติดตามข่าวเรื่องการดูแลค่าเงินบาท และการประกาศ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ปรากฎให้เห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาหลงทาง และเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจธนาคาร

พ.ญ.กมลพรรณ ระบุด้วยว่า ใคร่ขอให้โปรดพิจารณาดังนี้

1.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 เปอร์เซนต์ทันที

2.ขอให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 57, 58, 74 และตามพระราชกฤษฎีกานี้ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 8 (3) คือ ตั้งคณะกรรมการจากบุคคลภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จ ด้านการบริหาร เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เอกชน ธุรกิจ เกษตรกร ธนาคาร อุตสาหกรรม ผู้ส่งออก ผู้ทีได้รับผลกระทบจากการกำหนดนโยบายของกนง. จัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผล เสียให้ครบถ้วนทุกด้าน ในการแก้ไขค่าเงินบาทโดยเร็วที่สุด โดยกรรมการคนกลางไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่แบงค์ชาติ มีตัวแทนจากภาคเอกชน ประชาชน รัฐ นักวิชาการ ที่มีประวัติผลงานเพื่อประชาชน

3.เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ ลดส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้และฝากไม่เกิน 2 เปอร์เซนต์ และ

4.เก็บภาษีจากการเก็งกำไรค่าเงินบาท และการซื้อขายหุ้น รายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ หรือพันธบัตรเงินกู้ ให้มากขึ้น

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:24 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ซัดธปท.ขึ้นดบ.ชาวบ้าน-ธุรกิจแย่
http://www.ryt9.com/s/nnd/1046508
ข่าวหุ้น-การเงิน หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2553 07:56:04 น.


นางกมล พรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขาฯสภาธรรมาภิบาล และกลุ่มนักศึกษา ประชาชนจำนวนหนึ่งได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อทักท้วงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.75%เป็น 2.00%เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุได้สร้างผลกระทบให้ประชาชนโดยรวมอย่างมาก และทำให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาหากำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทมากขึ้น

ขณะเดียวกันหากธปท.ปล่อยให้เงินบาทแข็งค่าไป เรื่อยๆ โดยไม่มีมาตรการป้องกันและควบคุมการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศ เชื่อว่าเงินบาทอาจจะแข็งมากขึ้น จนธุรกิจส่งออกอยู่ไม่ได้ และหากปล่อยให้เงินไหลเข้ามามากๆ หรือถูกต่างชาติโจมตีค่าเงินบาท เทขายจำนวนมาก จะทำให้ค่าเงินอ่อนค่ามาก สุดท้ายเศรษฐกิจก็ต้องเผชิญวิกฤติเหมือนในช่วงปี 2540

นางกมล พรรณกล่าวอีกว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธปท.ทำให้ธุรกิจส่งออก ทั้งภาคอุสาหกรรม สูญเสียรายได้จากการขายสินค้าส่งออกกว่า 3 แสนล้านบาท ขณะที่คนฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ก็ยังรับดอกเบี้ยต่ำ คนกู้เงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้นจะเห็นได้ว่าประชาชนแบกรับภาระทั้งหมด ขณะที่ธนาคารพาณิชย์กลับมีกำไรเพิ่มต่อเนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม

จึงขอเสนอให้ธปท.ออกมาตรการสกัดการไหลเข้าออกของกอง ทุนเก็งกำในต่าง ประเทศ เช่น เก็บภาษีจากการเก็งกำไรค่าเงินบาท ควบคุมดูแลที่มาที่ไปของเงินนอกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ให้เงินทุน เข้าออกเสรี อย่างที่ประเทศจีนกำลังใช้อยู่ นอกจากนั้นให้ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1% ทันที รวมทั้งลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และส่วนต่างของค่าธรรมเนียมธนาคาร
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:27 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ส.ธรรมาภิบาลบุกแบงก์ชาติ จี้เพิ่มอาร์พีทำแบงก์รวยอื้อซ่า
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1045814
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- ศุกร์ที่ 10 ธันวาคม 2553 00:00:32 น.

นางกมล พรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขานุการและผู้ประสานงานสภาธรรมาภิบาล พร้อมสมาชิกจำนวน 15 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อคัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% เป็น 2% เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เหตุผลของการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง แต่กลับสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน และไม่มีการควบคุมราคาสินค้า ตรงกันข้ามส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น สร้างแรงกดดันเงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่ทำให้ธุรกิจบางกลุ่มได้รับอานิสงส์ เช่น ธุรกิจธนาคารที่ได้กำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากประมาณ 6% กลุ่มนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม และน้ำมันที่ราคาปรับสูงขึ้น ทางสภาฯ ต้องการให้ ธปท.พิจารณามาตรการเก็บภาษีจากการเก็งกำไรค่าเงินบาท และการซื้อขายหุ้น เพื่อสกัดการไหลเข้าออกของกองทุนเก็งกำไรจากต่างประเทศเช่นเดียวกับประเทศ จีน และลดดอกเบี้ยนโยบายลง 1% เพื่อผ่อนคลายให้เงินทุนไหลออกและลดการเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยน ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลง หากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงยังจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและ เงินกู้เหลือไม่เกิน 2% และเสนอให้ปรับลดค่าธรรมเนียมธนาคารพาณิชย์ลงด้วย เนื่องจาก 9 เดือนแรกของปีนี้พบว่าธนาคารพาณิชย์มีรายได้จากค่าธรรมเนียมสูงถึง 148,000 ล้านบาท
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:34 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ฝากถึงคุณบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทยและดร.ประสาร ผู้ว่าการแบงค์ชาติปัจจุบัน ให้มีความกล้าสมเป็นลูกผู้ชายหน่อย กลัวอะไรนักหนากับลูกค้าและผู้ร้องเรียน แม้แต่หนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมแค่เพียงแผ่นเดียว รายละเอียดรวมกระทู้ฮ็อตข้ามปีมีอยู่พร้อมสำหรับผู้สนใจในกระทู้นี้ครับ

ลางร้ายหายนะในยุคมืดเผด็จการโจรกบฏครองเมือง
แม้แต่ผู้ว่าแบงค์ชาติก็เลวไม่แพ้กัน?
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3333590.new#


ลางร้ายหายนะในยุคมืดเผด็จการโจรกบฏครองเมือง
แม้แต่ผู้ว่าแบงค์ชาติก็เลวไม่แพ้กัน!
]http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3333606.new#


หลังจากกระทู้ล่าสุดนี้

เพราะกระทู้ดี ๆ มีสาระประโยชน์นี้ ไปจี้จุดแทงใจดำคนเลว จึงโดนแกล้งลบหรือหายวับไป
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3316284#


ผมกะจะเลิกตั้งกระทู้แล้ว หากไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ เนื่องจากตอนนี้ประชาชนทั่วทั้งประเทศส่วนใหญ่ต่างตาสว่างกันถ้วนทั่วหน้าแล้วเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับมีนักรบไซเบอร์และนักปราศรัยหลาย ๆ ท่านไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์หรืออินเตอร์เน็ตและนักปราศรัยสัญจรตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งหากท่านใดสนใจจริง ๆ ก็คงสามารถทราบได้ว่าเป็นใครและจะฟังหรือดาวน์โหลดไปฟังได้จากที่ใดบ้าง แต่เหตุที่ผมต้องมาตั้งกระทู้อีกครั้งหนึ่ง ในคืนนี้ (14-12-53) ก็เพราะผมทนกับการต้อนรับที่ยอดแย่ที่แบงค์ชาติในช่วงบ่าย 13-15 น.นี้ไม่ได้ ประกอบกับมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันที่ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ในตอนเช้าด้วย จึงทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจมาตั้งกระทู้นี้ขึ้น นอกจากจะเป็นการให้ข้อมูลข่าวคืบหน้าของการร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยที่ผมตั้งกระทู้ต่อเนื่องมาประมาณ 1 ปีแล้ว ยังเป็นการสื่อต่อยังท่านที่มีประสบการณ์หรือมีความรู้ได้ช่วยกันพิจารณาถึงปัญหาแบงค์ชาติสมรู้ร่วมคิดกับแบงค์พาณิชย์เอารัดเอาเปรียบขูดรีดทำนาบนหลังประชาชนอีกด้วย


เช้าวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ผมได้ไปแบงค์กสิกรไทยสำนักงานใหญ่เพื่อขอพบคุณบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวลาประมาณ 9.30 น. (ผมได้โทรนัดกับแม่บ้านที่บ้านคุณบัณฑูรแล้วแต่มะวานตอน 16.49 น. เนื่องจากเลขาคุณบัณฑูรมารยาททรามเหมือนเช่นทุกครั้ง นอกจากจะวางหูโดยไม่ทันได้เจรจาให้เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ ยังโกหกอีกด้วยว่า คุณบัณฑูรไปนอก แต่แม่บ้านว่าคุณบัณฑูร ไปทำงานตามปกติที่สำนักงานใหญ่) เจ้าหน้าที่เคาท์เตอร์ให้นั่งรอรวมเวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยไม่มีผู้ใดมาพบ จนต้องลุกไปสอบถามซ้ำถึง 2-3 ครั้ง เจ้าหน้าที่อ้างว่าได้โทรแจ้งเลขาแล้ว 3 ครั้ง หากจะให้โทรตามอีก เดี๋ยวจะโดนไล่ออก ให้โทรเรียกแม่บ้านคุณบัณฑูรโทรหาเลขาสิ พอโทรจริง แม่บ้านก็อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ จนต้องโทรหาผู้จัดการภาค ก็อ้างว่าประชุม ให้รอสักครู่ แต่แล้วก็ส่งเลขาท่านมาคุยแทน ซึ่งไม่ตรงกับจุดประสงค์ของการมาแต่อย่างไร เพราะตามธรรมเนียม แม่บ้านได้แจ้งให้คุณบัณฑูรทราบแล้ว หากท่านไม่สามารถมาพบได้ ก็ควรจะให้ตัวแทนมาต้อนรับ ไม่ใช่ปล่อยให้รอเก้อกว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่ได้คุยแจ้งให้เลขาผู้จัดการภาคทราบเพื่อช่วยตามผู้บริหารที่สามารถให้คำตอบที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปี ได้ ผู้จัดการเขตก็ได้มาเจรจาขอเวลาทำเรื่องเสนอและจะให้คำตอบในวันที่ 27 นี้ โดยเฉพาะเรื่องลดดอกเบี้ยโอดีลง 1 % เพื่อชดเชยการเอาเปรียบและความเสียหายที่เกิดขึ้นในอดีตหลายอย่างด้วยกัน (ขอลดมา 2 ปี บอกจะลดให้ทั้งต่อหน้าและต่อเจ้าหน้าที่แบงค์ชาติ แต่ก็แกล้งทำนิ่งเฉยจนต้องมาทวง) และคืนวงเงินโอดีเดิมที่หักไปโดยไม่ชอบธรรม (บ่ายเบี่ยงปีแล้วปีเล่า) ส่วนเรื่องการขอวงเงินเพิ่มซึ่งเป็นสาเหตุหลักนั้น ตอนนี้ได้สูญเสียโอกาสและลูกค้าไปหมดแล้ว หากมีช่องทางทำธุรกิจเมื่อไร จึงจะมาเจรจาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องให้ยุติการร้องเรียนทั้งหมดนั้น ผมว่าทำไม่ได้เพราะได้ให้คำมั่นสัญญากับผู้มาแสดงความคิดเห็นในกระทู้แล้ว และส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนเพื่อส่วนรวมอย่านำมาปนกันกับเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะให้หรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ดุลพินิจ หากให้และคืนให้ ตราบาปที่ทำไว้ก็จะได้ลดน้อยลงไป ดีกับแบงค์เอง แต่ถ้าไม่ให้ ต่อให้อีก 10 ปี แบงค์ก็ไม่สามารถลบคำครหาและการผิดสัญญา “บริการทุกระดับประทับใจ” ไปได้แต่อย่างไร เนื่องจากสองประเด็นที่เรียกร้องนี้ เป็นสิ่งที่แบงค์สมควรอย่างยิ่งที่จะให้ได้อยู่แล้วในฐานะที่ผมเป็นลูกค้าที่ดีมาตลอดกว่า 21 ปี และเพื่อแสดงความจริงใจจึงได้ให้อ่านหนังสือที่ร้องเรียนต่าง ๆ และมอบสำเนาร้องเรียนเลขาธิการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับล่าสุดให้ด้วยเพื่อเสนอต่อยังคุณบัณฑูรอีกต่อหนึ่ง เนื่องจากเวลาใกล้เที่ยงแล้ว รอไปก็ไร้ประโยชน์ จึงยินยอมกลับพร้อมกันตามที่ผู้จัดการเขตชักชวน (บ้านอยู่ใกล้สาขาแบงค์) ระหว่างทางได้คุยกันในรถและแจ้งให้ทราบว่าจะไปตามเรื่องต่อที่แบงค์ชาติ (ผมได้พูดคุยกับผู้จัดการเขตแล้วมะวานนี้ แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงจำต้องมาทวงคำตอบจากคุณบัณฑูรโดยตรง เพราะ คุณประสาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้พบแล้ว แต่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เหตุผล ผมเลยต่อว่าท่านซึ่งหน้า จนท่านต้องลุกเดินหนีไป ผู้จัดการเขตและผู้จัดการภาคก็อ้างว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ แต่ทำไมคุณบัณฑูรจึงไม่กล้ามาเผชิญหน้าอย่างลูกผู้ชายกับผมล่ะ นี่หรือผู้บริหารที่คนทั่วไปยกย่องและได้รับสารพัดรางวัลดีเด่นหลายปีซ้อน)


คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง
แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถนัดนัก

http://webboard.news.sanook.com/forum/3170256_คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง_แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถน.html



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ธ.ค. 10, 10:41 น โดย jrchai » noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #14 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:36 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
บ่ายโมง ผมได้ไปขอพบผู้ว่าการแบงค์ชาติ เจ้าหน้าที่อ้างว่าเลขาไม่อยู่ และเรียก หัวหน้า รปภ. มาประจัญหน้าเพื่อต้องการบล็อกไม่ให้มาร้องเรียนอย่างผิดสังเกตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงได้แจ้งให้หัวหน้า รปภ. ทราบว่า ผมต้องการมาตามเรื่องที่ร้องเรียนมากว่า 3 ปี และทวงคำตอบจากท่านผู้ว่าการฯท่านใหม่ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรงเนื่องจากการเอาเปรียบโดยไม่เป็นธรรมและไร้เหตุผลจนผมต้องประจานในเว็บต่อเป็นปี แต่กลับไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย ยินดีให้เข้าพบ ทั้ง ๆ ที่โทรแจ้งเลขาให้ทราบมาหลายครั้งแล้ว และที่ต้องมาวันนี้เป็นเพราะขณะที่นั่งรอที่กสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ได้โทรหาเลขาท่านเพื่อตามเรื่อง แต่ปล่อยให้รอสายเก้อ เสียค่าโทรมือถือ 15 นาที โทรใหม่ก็ยังแกล้งให้รออีก 3 นาที โทรใหม่อีก คราวนี้ ไม่ยอมรับเลยรวม 5-6 ครั้งได้ ประกอบกับข้ออ้างของผู้จัดการเขตว่า รอคำตอบแบงค์ชาติด้วย หนังสือร้องเรียนแต่ 2 มิถุนายน 17และ 28 กันยายน รวม 3 ฉบับ ไม่มีคำตอบใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้ผู้ที่เป็นคู่กรณีคือผู้ว่าแบงค์ชาติโดยตรง และรู้เรื่องดีกว่าผู้ใด ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงโยนเรื่องให้ผู้อื่นรับผิดชอบได้แต่อย่างไร แต่กลับหลบเลี่ยงหลีกหนี ซ้ำวันนี้ยังได้ใช้อำนาจเผด็จการที่ไร้ความชอบธรรม นอกจากเลขาจะอ้างไม่อยู่แล้ว ยังส่ง รปภ. มาคุมด้วย เมื่อต้องการปิดกั้นอย่างแข็งขันเช่นนี้ ก็ไม่มีทางอื่นใดที่จะทำได้ นอกจากการทิ้งข้อความไว้ตามคำแนะนำ จึงได้ร่างหนังสือร้องเรียนทวงขอคำตอบตามหนังสือเลขที่รับอย่างเป็นทางการ 3 ฉบับ คือ E 53024416, E 35023638 และ E 53013755 เพียง 1 หน้า และแจ้งเจ้าหน้าที่ ตึก 1 ว่า จะไปยื่นอย่างเป็นทางการเพื่อลงเลขที่รับที่ตึก 2 แต่พอไปถึง การณ์กลับผิดคาดเพราะได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ขาเข้าปิดกั้นไม่ให้ไปยื่น มีการแจ้งหน่วย รปภ. มาเพื่อจัดการอย่างที่น่าละอายอย่างยิ่ง พอ รปภ. ได้ฟังคำชี้แจงเข้าใจถึงสิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียนและรู้ว่าคู่กรณ์คือผู้ว่าแบงค์ชาติ ก็ไม่กล้าทำอะไรอย่างที่เจ้าหน้าแลกบัตรต้องการ ทำให้เจ้าหน้าที่แลกบัตรโทรต่อว่าให้ได้ยินชัดเจนว่า ส่งรปภ. อะไรมาไม่รู้ ไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย พอผมชี้แจงเรื่องสิทธิและการกระทำปิดกลั้นเหมือนเผด็จการเช่นนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์แบงค์ชาติเสื่อมเสีย หญิงผู้นี้ยิ่งโทรรายงานใส่ไฟใช้ข้อความเท็จรายงานให้ใครไม่ทราบต่อหน้าต่อตา ยังดีที่ผมมีสติและไม่กระทำการที่จะเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าห้องกระจกที่รับเรื่อง จะห่างแค่ไม่กี่เมตรและมองทะลุเห็นได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยบอกคนรับเรื่องให้มารับหนังสือด้วย แต่ก็ดูเฉย ไม่ใส่ใจ หญิงที่รับเรื่องก็แกล้งไม่หันมาดูเลย จนเวลาเลยไปประมาณ 30 นาทีได้ ได้โทรหาหน่วยงานที่เคยแนะนำเรื่องการยื่นหนังสือต้องมายื่นลงเลขที่รับ ก็แกล้งโยนให้ไปคนนี้ที คนนั้นที ไม่มีใครที่จะอาสามาแก้ให้แม้แต่คนเดียว จนต้องโทรหาห้องรับหนังสือ เจ้าหน้าที่จึงหันมามอง และออกมาคุยด้วย เมื่อทราบว่า มีคำสั่งไม่ให้รับอย่างเป็นทางการ ก็กล่าวขอโทษ แล้วขอตัวกลับไป แบงค์ชาติกลายเป็นแดนสนธยามาเฟียเผด็จการไปเสียแล้วหรือ แต่กลับกลัวแม้แต่หนังสือร้องเรียนเพิ่มแค่เพียงแผ่นเดียว จึงได้ไปหาเจ้าหน้าที่ตึก 1 (ผู้ว่าการฯ) เพื่อให้โทรตามเลขาผู้ว่าการ ฯ มาแล้วหรือยัง ก็แกล้งไม่ใส่ใจใด ๆ ทั้งสิ้น จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า ในเมื่อแบงค์ชาติกล้ากระทำการที่ไม่ชอบและไร้เหตุผลเช่นนี้ ผมจำเป็นจะต้องมาวิจารณ์ในเว็บเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และฝากแจ้งให้ท่านผู้ว่าการฯ มาอ่านด้วย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กระทู้ประเด็นร้อนนี้โดนลบโดยไม่ชอบด้วยเหตุผล
ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่การเสนอข่าวตามความเป็นจริง

กก.ผจ.KBank ขูดรีดกลั่นแกล้งเอาเปรียบลูกค้า
เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ชาติไม่ฉิบหายหรือ
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3273699.new#


จากข่าว"ประสาร" เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าธปท.อย่างเป็นทางการ ประกอบหนังสือร้องเรียน เรื่อง คำร้องโต้แย้งและร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ เพิ่มเติม ถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 28 กันยายน 2553 (เลขที่รับ E 53024416) ประกอบกับแผ่นซีดีรวมกระทู้ที่ตั้งเกี่ยวกับเรื่องที่ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ในเว็บบอร์ด www.sanook.comล่าสุด 5 กระทู้ และกระทู้ที่เกี่ยวอื่น ๆ ด้วยทั้งในเว็บบอร์ดสนุก และเว็บบอร์ดอื่น ๆ จึงได้มาตั้งกระทู้นี้ว่า

อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ KBank ขูดรีดกลั่นแกล้งเอาเปรียบลูกค้า
เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ชาติคงฉิบหายแย่แน่ ๆ ?


"ประสาร"เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าธปท.อย่างเป็นทางการ
http://www.thairath.co.th/content/eco/115599


"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติวันแรก ถือฤกษ์ดี 11.09 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวังบางขุนพรหมและธปท. 17 จุด เริ่มงานแรกบินประชุมประจำปีไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตัน 6-14 ต.ค.นี้...
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ได้เดินทางเข้าทำงานเป็นวันแรก โดยมีผู้บริหารของ ธปท. ทั้งนายบัณฑิต นิจถาวร นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ธปท. และเจ้าหน้าที่ ธปท. ให้การต้อนรับ และเวลา 11.09 น. นายประสาร ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวังบางขุนพรหม และ ธปท. 17 จุด เริ่มจากพระหน้าปรก พระสยามเทวาธิราช พระบรมสารีริกธาตุ พระรูปรัชกาลที่ 5 พระพิฆเนศ และศาลตายาย เป็นต้น หลังจากนั้น นายประสาร ได้มอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่และผู้บริหารของ ธปท.
ทั้งนี้หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. อย่างเป็นทางการ นายประสาร จะไปร่วมการประชุมประจำปีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐ ระหว่าง 6-14 ตุลาคม 2553 และนายประสาร จะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ตั้งแต่วันนี้โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสาร เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกำกับและตรวจสอบ ธปท. กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย ก่อนที่จะกลับมารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ในครั้งนี้


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #15 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
28 กันยายน 2553
เรื่อง คำร้องโต้แย้งและร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ เพิ่มเติม
เรียน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือที่ฝวต.(43) 292/2553 เรื่องร้องเรียนธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553
หนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 (เลขที่ E 53013755)
หนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ เพิ่มเติม ลงวันที่ 17 กันยายน 2553 (เลขที่ E 3502 3638)
สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 (เลขที่ E 53013755)
หนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ เพิ่มเติม ลงวันที่ 17 กันยายน 2553 (เลขที่ E 3502 3638)
แผ่นซีดีรวมกระทู้ที่ตั้งเกี่ยวกับเรื่องที่ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ในเว็บบอร์ด www.sanook.com
เนื่องจากข้าพเจ้าได้รับแฟกซ์หนังสือเรื่อง แจ้งผลการดำเนินการ ลงวันที่ 13 กันยายน 2553 โดยยังไม่ได้ลงลายเซ็น ผู้ออกหนังสือ จากคุณ.......... เพียงแผ่นเดียว แต่เนื่องจากเครื่องรับแฟกซ์ที่บ้านไม่สามารถรับได้ตามปกติ ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้คุณ...........ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการมาให้ใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับจนถึงวันนี้ พอดีข้าพเจ้าจะมาที่ สคบ.ตามนัด เรื่องโทรศัพท์มือถือ NOKIA N91 มีปัญหาซิมไม่สามารถอ่านได้เป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้เวลา 14.00 น. จึงถือเป็นโอกาสมายื่นหนังสือนี้โดยตรงเพื่อกันไม่ให้มีการอ้างได้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำเรื่องโต้แย้งภายในกำหนดวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้ายังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการก็ตาม
ข้าพเจ้าขอยืนกรานที่จะร้องเรียนต่อให้ถึงที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและส่วนรวมตามหนังสือที่ได้ร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศแห่งประเทศไทยที่แนบมานี้ รวมทั้งเรื่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ในซีดีทีส่งมานี้ด้วย ส่วนกรณีบริษัท PROGRESS APPRAISAL CO.,LTD. ที่ประเมินที่ดินต่ำกว่าความเป็นจริงมากนั้น ข้าพเจ้าได้เคยแจ้งให้คุณ............ทราบตั้งแต่หลังนัดเจรจา 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 ไม่นานนักแล้วว่า ...............คนดูแลสนามกอล์ฟ...............(โทร..................) ยินดีซื้อที่ดินใกล้สนามกอล์ฟดังกล่าวในราคา ........... บาทต่อไร่ หากรวม 12ไร่กว่าแล้วอย่างต่ำกว่า .............. บาท (รหัสเรื่อง 4920009-1/1 วันที่ 25 พฤษภาคม 2549) มากกว่าที่ข้าพเจ้าได้จากธนาคารกสิกรไทยในปัจจุบันนี้เพียง .................. ถึง 4 เท่า หรือมากกว่าที่ PROGRESS APPRAISAL CO.,LTD ประเมินประมาณ .................. บาท ถึง 3 เท่าตัว แต่ข้าพเจ้ายังไม่ขายเพราะคุณ...................... เจ้าของที่เดิมแจ้งให้ทราบว่า ภรรยาเขายังสามารถขายที่ดินใกล้เคียงให้คุณ................. เมื่อ1-2 ปีก่อนในราคาไร่ละ ....................... บาท ส่วนที่ดินรหัสเรื่อง 4957465-1/1 วันที่ 29 สิงหาคม 2549 ที่อำเภอเมืองหนองคาย ห่างจากโรงแรมแกรนด์หนองคายประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งประเมินที่เกือบ 10 ไร่ ในราคา ........................... บาทนั้น (ทางธนาคารให้กู้เพียง ............... บาท) ก็ต่ำกว่าความเป็นจริงมากหลายเท่าเช่นกัน เพราะหากพิจารณาจากที่อีกหนึ่งแปลง(ข้าพเจ้าจำนองที่1/3 ไร่ เป็นเงิน ................... บาทกับทางธนาคารกสิกรไทย) ซึ่งห่างจากที่ดินแปลงนี้ ประมาณ ครึ่งกิโลเมตร ราคาซื้อ-ขาย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 เท่ากับ ................ บาทต่อเนื้อที่ 1/3 ไร่ หรือ เท่ากับไร่ละ ..................บาท และที่ดินแปลงนี้เองที่ธนาคารมัดมือชกหักเงินไป ................. บาท ทั้ง ๆ ที่จำนองแค่ .............. บาท เกินกว่าที่จำนองจริงไป ................. บาท ทุกวันนี้ธนาคารก็ยังฉ้อฉลไม่ยอมคืนเงินให้ดังเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียด น่าละอาย และไร้ศีลธรรมจรรยาเป็นอย่างมาก เพราะกระทำซ้ำเติมข้าพเจ้าในขณะที่ข้าพเจ้าต้องการหมุนเวียนเพิ่มเติมและกำลังทำเรื่องประเมินที่เพื่อขอวงเงินเพิ่มอยู่ นี่หรือคือธนาคารที่มีคุณธรรมและจริยธรรม บริการทุกระดับประทับใจ และได้รับรางวัลธนาคารดีเด่นหลายปีซ้อน ๆ กัน ช่างแตกต่างจากสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับเสียจริง ๆ คือ การบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายต่างหาก เพราะทุกวันนี้ ข้าพเจ้าสูญสิ้นลูกค้าหมด ไม่รายได้เลย บัญชีห้างหุ้นส่วนก็โดนหักค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีจนถูกปิดไปในที่สุด รวมทั้งบัญชีออมทรัพย์ด้วย ฉะนั้นเรื่องที่ทางธนาคารอ้างเรื่องไม่สามารถให้กู้ได้เนื่องจากไม่มีความสามารถในการชำระหนี้และมูลค่าหลักประกันไม่ผ่านตามเกณฑ์ธนาคารกำหนดนั้น จึงไม่เป็นความจริง เพราะหากข้าพเจ้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทำไม 5 ปีที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าถึงไม่มีปัญหาเรื่องการชำระหนี้ทั้งเงินผ่อนบ้านและเงินโอดีแต่อย่างไรเลย ส่วนเรื่อหลักทรัพย์นั้นก็ถูกกลั่นแกล้งดังที่ได้อธิบายข้างต้นไว้แล้วนั้น การที่ธนาคารผิดสัญญาและร่วมมือกับบริษัท PROGRESS APPRAISAL CO.,LTD กลั่นแกล้งและเอาเปรียบข้าพเจ้าจนกินควรอย่างน่าเกลียดมาก ๆ ในครั้งนี้นั้น ทำให้ข้าพเจ้าเสียหายจนยากที่ประเมินความสูญเสียต่าง ๆ ทั้งหมดให้ครบถ้วนได้
ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านได้กรุณากระตือรือร้นสนใจใส่ใจพิจารณาให้ความเป็นธรรมและเอาผิดกับทั้งธนาคารกสิกรไทยและ PROGRESS APPRAISAL CO.,LTD. อย่างจริงจังและจริงใจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งกรณีเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวมด้วย
ขอแสดงความนับถือ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #16 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:39 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
กระทู้: 4IN1 เรียกร้องให้แบงค์ชาติแก้ปัญหาแบงค์พาณิชย์
ฮั้วขูดรีดทำนาบนหลังคนหนักกว่าเดิม
http://webboard.news.sanook.com/forum/3252084



4 IN 1 เรียกร้องให้แบงค์ชาติแก้ปัญหาแบงค์พาณิชย์ฮั้วขูดรีดทำนาบนหลังคนหนักยิ่งกว่าเดิม

เช้าวันนี้ (17-9-53) ได้โทรไปหาเลขาหน้าห้องผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อสอบถามเรื่องหนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 ทำไมยังไม่มีคำตอบ รอตั้งนานจึงมีเจ้าหน้าที่ร้องเรียนมารับสาย แต่คุยยังไม่ทันรู้เรื่อง คิดว่าโอนสายผิด เลยวางหูไป จึงได้โทรไปสอบถามผู้จัดการเขตธนาคารกสิกรไทยที่เคยรับปากเรื่องลดอัตราดอกเบี้ยกระแสรายวันให้ แต่ก็เงียบหายไปเป็นเดือน ๆ เช่นเดียวกับกับแบงค์ชาติ และก็ได้คำตอบว่ายังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกันอยู่ แต่ทำไมไม่ยอมแจ้งให้รู้ว่าไม่ยินดีให้แต่ต้น ๆ เป็นการแสดงให้เห็นได้ถึงการขาดความจริงใจ ไม่สนใจปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้แต่อย่างไร ในที่สุดจึงตัดสินใจรีบร่างจดหมายโดยนำเอากระทู้เกี่ยวกับเรื่องธนาคารกสิกรไทย 4 กระทู้ที่ตั้งในเว็บบอร์ด www.sanook.com ซึ่งได้คัดส่วนที่สำคัญ ๆ นำไปแปะแนะนำตามกระทู้ที่ตั้งอื่น ๆ มาประกอบการร้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อจะได้รีบพิมพ์นำไปส่งด้วยตนเองในตอนบ่าย เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับหนังสือได้รับอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยประทับตรารับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เลขที่ E 5302 3638 วันที่ 17 ก.ย.2553 เวลา 15.29 น. ผู้รับ ...... โทร........... ทำให้สบายใจขึ้นได้ว่า จะไม่โดนทางผู้รับเรื่องบอกปัดไม่ได้รับเช่นครั้งที่แล้วอีก รวมทั้งการปฏิเสธความรับผิดชอบในการตอบตามระเบียบของแบงค์ชาติด้วย (3 เดือนกว่าแล้วที่ยังไม่ตอบกลับหนังสือที่ร้องเรียนวันที่ 2 มิถุนายน 2553 แต่อย่างไร)
เพื่อเป็นการกันปัญหาการตอบล่าช้า จึงได้ขึ้นไปหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่อง โชคดีที่เจอพอดี ให้รอสักครู่ ก็มีเจ้าหน้าที่อีก 2 ท่าน มาร่วมฟังด้วย สรุปได้ความว่า เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องจะให้จบเรื่องทั้ง ๆ ที่ร้องเรียนมากว่า 3 ปี แบงค์ชาติยังไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้เลย แค่เรื่องส่วนตัวยังไม่ยอมแก้ปัญหาให้ แล้วเรื่องส่วนรวมยิ่งแล้วใหญ่ ทำเหมือนกับไม่มีการร้องเรียนใด ๆ ทั้งสิ้น จึงอดที่จะคิดไม่ได้ว่าหน่วยงานนี้ไม่รู้ตั้งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนหรือแบงค์พาณิชย์กันแน่ เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าหน่วยงานนี้กำลังจะถูกยกเลิกไปในตุลาคมนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่นั้น ต่างก็จะแยกย้ายกันกลับหน่วยงานเดิม ส่วนหนังสือที่ร้องเรียนนี้ถือว่ามีการรับอย่างเป็นทางการแล้ว ต้องรอดูว่าจะมอบให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบอีกที จึงได้ต่อว่าเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องซึ่ง ๆ หน้าว่า ทำไมถึงไม่ยอมติดต่อกลับมาทั้ง ๆ ที่โทรหาตั้งหลายครั้ง ไม่สมศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย อ้างแต่ว่าเป็นเรื่องเดิม แต่ไม่ได้สนใจดูเลยว่าจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องร้องเรียนส่วนรวมมากกว่า เพราะถ้าหากหลักการใหญ่ ๆ ได้รับการแก้ไขตามที่ร้องเรียนและเรียกร้อง เช่นส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากลดลง สิ่งที่ร้องเรียนส่วนตัวก็จะได้รับเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ติดธุระจะต้องรีบไปด่วน จึงได้อ่านเฉพาะหัวเรื่องกระทู้ 3- 4 กระทู้ให้ฟังเท่านั้นก่อนกลับ
การร้องเรียนครั้งนี้เท่ากับการร้องเรียนถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเพื่อต้อนรับว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติท่านใหม่ ดร.ประสาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย คู่กรณีที่กำลังจะมารับตำแหน่งในเดือนตุลาคมนี้ จะคอยดูสิว่าแบงค์ชาติจะสามารถแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบดังที่ได้ร้องเรียนหรือไม่ หรือว่าจะเป็นอย่างที่มีคนครหาว่า ว่าที่ผู้ว่าแบงค์ชาติ ดร.ประสารนี้ จะมากำหนดนโยบายเพื่อผลประโยชน์แก่แบงค์พาณิชย์มากยิ่งกว่าเดิม หากว่าเป็นจริงเช่นนั้นจริง ๆ แล้ว ประชาชนตาดำ ๆ คงต้องลำบากรับชะตากรรมการถูกรีดนาทาเร้นทำนาบนหลังคนหนักกว่าเก่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นอย่างแน่นอน และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เศรษฐกิจของชาติอาจจะต้องพินาศฉิบหายวายป่วงยิ่งกว่าครั้งใด ๆ เพราะว่าที่ผูํว่าการแบงค์ชาติท่านใหม่นี้ก็เป็นได้


จากกระทู้ที่ตั้ง 4 กระทู้นี้ จึงได้เน้นเอาเฉพาะที่สำคัญ ๆ มาเป็นหนังสือเรียกร้องให้แบงค์ชาติ
แก้ปัญหาแบงค์พาณิชย์ฮั้วขูดรีดทำนาบนหลังคนหนักยิ่งกว่าเดิม


1.ร้องKBankแกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล
1 2 ทั้งหมด jrchai 71 4588
ความคิดเห็นล่าสุด 13 ก.ค. 10, 18:20 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3140735

2.นี่หรือว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติ? แค่ปัญหาเล็กๆกว่า 5 ปี ยังไม่มีปัญญาแก้ไขได้เลย
1 2 ทั้งหมด jrchai 56 3035
ความคิดเห็นล่าสุด 13 ก.ค. 10, 12:41 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3155947

3.ต้องโหดร้ายขูดรีดเอาเปรียบได้เลวสุด ๆ อย่างนี้สินะ จึงชนะได้เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ!
jrchai 40 3627
ความคิดเห็นล่าสุด 20 ก.ค. 10, 22:20 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3163012

4.คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถนัดนัก
jrchai 35 6037
ความคิดเห็นล่าสุด 26 ก.ค. 10, 10:53 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3170256

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #17 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ขอแนะนำกระทู้พวกสันดานแบงค์ที่ชอบเอาเปรียบประชาชนนี้ด้วยครับ

คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง
แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถนัดนัก


http://webboard.news.sanook.com/forum/3170256_คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง_แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถน.html


กรณ์สวนหมัดเสี่ยปั้น แนะเลิกฟันส่วนต่าง ดบ.บนหลัง ปชช.
http://www.jjthai.net/articles/43


กรณ์ สวนกลับ บัณฑูร ยันให้เสียสละหั่น สเปรด ดบ.กู้-ฝาก เพราะต้องการให้มีส่วนร่วมกันรับผิดชอบสังคม ตอกแบงก์พาณิชย์ ลดส่วนต่าง ดบ.กู้-ฝากให้ลูกค้าได้เองอยู่แล้ว เพราะคุมส่วนแบ่งการตลาด ไม่ต้องไขสือรอแบงก์รัฐชี้นำ ส่วนข้อเสนอให้หารือแบงก์ชาติ แทรกแซงอัตรา ดบ.นั้น ขอรับไว้พิจารณา "วิโรจน์" แฉที่มาส่วนต่างดอกเบี้ยถ่าง พบขูดรีดสูงถึง 5% เพราะแบงก์เอาต้นทุนนำส่งกองทุนฟื้นฟู-ค่าบริหารหนี้เสีย นำมาหักดอกเบี้ยฝาก-โปะใส่ดอกเบี้ยกู้ แนะเลิกโยนความรับผิดชอบต้นทุนตังเองเป็นภาระให้ลูกค้า

วันนี้ 22 มกราคม 2552 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สถาบันการเงินเอกชน แนะนำให้ธนาคารของรัฐนำร่องลดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงิน ฝาก (สเปรด) โดยระบุว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดส่วนใหญ่นั้นเป็นของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งสถาบันการเงินเอกชนควรลดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากได้เลย ไม่ต้องรอธนาคารของรัฐ และการริเริ่มหลัก ควรมาจากธนาคารพาณิชย์เอง

"กรณี สเปรดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบธนาคาร ผมมองว่ายังมีส่วนต่างสูงเกินไป และต้องการเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ ร่วมมือในการปรับลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพราะเห็นว่า สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกฝ่ายควรต้องช่วยกันรับผิดชอบต่อสังคม และทำในสิ่งที่คิดว่าจะช่วยได้"

รม ว.คลัง ยืนยันว่า สิ่งที่ได้นำเสนอไปเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตุ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์กำหนด สเปรดระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากให้เกิดความเหมาะสม เพราะมองว่าหากธนาคารพาณิชย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้สูง และมีผลทำให้สเปรดของดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากห่างกันมาก ท้ายที่สุดแล้วจะมีผลกระทบกับลูกค้าของธนาคาร และในระยะยาวอาจจะกระทบมาถึงธนาคารเองด้วย

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงแนวคิดที่ธนาคารพาณิชย์ ต้องการให้กระทรวงการคลังหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อแทรกแซงอัตราดอกเบี้ยนั้น ตนเองคงจะรับไว้ เพื่อพิจารณา ส่วนมาตรการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นการช่วยเหลือการจ้างงาน และธุรกิจภาควัตถุดิบ ส่วนกรณีที่อุตสาหกรรมอื่นต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือนั้น คงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมก่อน

สำหรับข้อเสนอของนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการให้ธนาคารของรัฐเป็นฝ่ายนำร่องลดดอกเบี้ย หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ธนาคารของรัฐมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชาชนและลูกค้าอยู่แล้ว และส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่กว่า 80% จะอยู่ที่ธนาคารพาณิชย์

สำหรับ ผลประกอบการปี 2551 ของธนาคารพาณิชย์ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ 11 แห่ง ปรากฎว่า มีกำไรสุทธิ 8 หมื่นล้าน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1,458% ธนาคารที่มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นมากสุดเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์คือ ธนาคารหลวงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ตามลำดับ ส่วนธนาคารกสิกรไทยกำไรทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 7%


นาย วิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน โดยยืนยันว่า มีการเอาเปรียบลูกค้าทั้งลูกค้าเงินฝากและลูกค้าเงินกู้ เห็นได้จากส่วนต่างดอกเบี้ย ที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ โดยปัจจุบันส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 5% สูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศอาเซียน เป็นรองแค่อินโดนีเซียเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ไทย มักอ้างว่าได้ส่วนต่างดอกเบี้ยแค่ 2.5% เท่านั้น อีก 2.5% ที่เหลือเป็นต้นทุนการบริหารงาน เรื่องดังกล่าว ตนถือว่าไม่เป็นธรรม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะธนาคารไม่จูงใจให้ผู้ฝากเกิดการออม ส่วนผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่แพง

นาย วิโรจน์ ระบุว่า ต้นทุนการบริหารงานในความหมายของแบงก์ คือ การรวมเอาเงินนำส่งเงินกองทุนฟื้นฟู 0.4% กับค่าบริหารหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) อีก 0.8-1.0% การนำสองส่วนนี้มารีดจากดอกเบี้ยถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะสองส่วนดังกล่าวโดยเฉพาะค่าบริหารเอ็นพีแอลถือเป็นความรับผิดชอบของ แบงก์ หากเกิดหนี้เสียสิ่งที่ต้องทำคือการเพิ่มทุน แต่แบงก์ไม่ยอมเพิ่มทุน

นาย วิโรจน์ กล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า หากธนาคารไม่นำเงินนำส่งเงินกองทุนฟื้นฟู กับค่าบริหารหนี้เสียมารวมเป็นต้นทุน ดอกเบี้ยลูกค้าเงินกู้ในปัจจุบันลงได้ประมาณ 0.5% ส่วนผู้ฝากเงินก็จะได้ผลตอบแทนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 0.4%


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #18 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 


17 กันยายน 2553

เรื่อง ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ เพิ่มเติม
เรียน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือที่ฝวต.(43) 292/2553 เรื่องร้องเรียนธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553
หนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 (เลขที่ E 53013755)


ตามที่ข้าพเจ้าได้ยื่นหนังสือร้องเรียนโดยตรงถึงท่านเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 และได้ตัดสินใจนำข้อความที่ร้องเรียนทั้งหมดไปลงในเว็บบอร์ด www.sanook.com เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า
ร้องKBankแกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล 1 2 ทั้งหมด jrchai 71 4587
และได้ลงต่อเนื่องตามกระทู้ต่าง ๆ จนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งน่าจะมีคนอ่านหลายหมื่นคน แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจคือ คุณ.........ได้พยายามบ่ายเบี่ยงปฏิเสธว่าไม่เห็นอย่างน่าเกลียดมาก รวมทั้งคุณ........ซึ่งข้าพเจ้าโทรไปสอบถามก็แสร้งตอบไม่รู้เรื่อง โทรหาคุณ.........ล่าสุดก็เงียบ ไม่มีคำตอบ เช้านี้โทรหาคุณ....... เลขาหน้าห้อง ก็โอนไปไหนไม่ทราบ แล้วเจ้าหน้าที่ก็รีบวางหู นี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมโดยอ้างอิงกระทู้ที่ลงในสนุกนี้มาให้เห็นชัด ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องเรียนต่อไป

(ส่วนนี้จะเป็นกระทู้จากเว็บสนุกที่แนบประกอบดังที่ได้แสดงข้างล่างนี้)

ข้าพเจ้าจึงเรียนมาเพื่อท่านได้ใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามที่ได้นำมาประกอบการร้องเรียนนี้ในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมทั้งต่อข้าพเจ้าและส่วนรวมด้วย รวมทั้งกระทู้ล่าสุดนี้ด้วย กระทู้: กรณ์ เตรียมฟัน ค่าธรรมเนียมแบงค์โหด (อ่าน 7836 ครั้ง)http://webboard.news.sanook.com/forum/3238869 ซึ่งน่าจะมีการลดมากว่านี้ในหลาย ๆ อย่างด้วยกัน
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #19 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:47 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ต้องโหดร้ายขูดรีดเอาเปรียบได้เลวสุด ๆ อย่างนี้สินะ
จึงชนะได้เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ!
http://webboard.news.sanook.com/forum/3163012

เบื่อคำโฆษณาสร้างภาพมายาจอมปลอมหลอกลวงผู้คนให้หลงเชื่อโดยไม่รู้จักละอายใจ
"บริการทุกระดับประทับใจ" ที่แท้กลายเป็น "บริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตาย"
ในเมื่อนายประสารไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปีนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่เป็นธรรม
แล้วอย่างนี้ยังมีหน้ามาเสนอหน้าเป็นผู้ว่าการแบงค์ชาติโดยไม่รู้จักละอายแก่ใจตัวเองบ้างเลย
อีกไม่กี่วันก็จะออกจากกสิกรไทยไปแล้ว ปัญหาก็ยังคาอยู่ แล้วจะมาสู้หน้าผู้ร้องเรียนได้อย่างไร
ศักดิ์ศรีว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติคนใหม่ จะหาได้จากที่ไหนกัน น่าขายหน้าเสียจริง ๆ

เบื่อหน่วยงานของรัฐที่ทำงานสนองนโยบายเฉกเช่นขี้ข้าสอพลอไร้ประสิทธิภาพไร้จุดยืน
เบื่อนักการเมืองที่ไร้ความกล้าหาญในการยืนหยัดเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เบื่อผู้นำหลักการเสื่อม ไร้คุณธรรม ห้ำหั่นเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติอย่างป่าเถื่อนไร้ความปรานี
เมื่อไรเราถึงจะมีคนดี ๆ มีความกล้าหาญที่สามารถยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาความเป็นธรรมในสังคมให้คงไว้
เมื่อไรบ้านเมืองจึงจะสงบสุข มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงเสียที

กรุณาอ่านข้อมูลที่เรียบเรียงอย่างดีจากกระทู้ข้างล่างนี้ประกอบด้วย

นี่หรือว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติ ?
แค่ปัญหาลูกค้าเล็ก ๆ ที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปี
ยังไม่มีปัญญาแก้ไขได้เลย
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3155947.0;all


จากกระทู้ประกอบข่าวข้างล่างนี้ท่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง ?
มิน่าล่ะ วันนี้โทรไปหาผู้รับเรื่องโกหกและปัดอย่างมะนาวไม่มีน้ำว่า
ไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 เรื่อง ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ
ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ผู้นี้ มีการเจรจากับผู้จัดการเขตให้ระงับหนังสือร้องเรียนไว้ก่อน
แต่ผมโทรแจ้งยืนกรานไปว่าให้ดำเนินการตามที่ร้องเรียนไว้ดังเดิม
มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่นี้ยังรีบยุติตัดบทการสอบถามขอคำตอบโดยให้ผู้ร้องคิดเอาเองเสียอีกด้วย
โทรหาหน้าห้องท่านผู้ว่าการฯ ว่าเจ้าหน้าที่ไม่เป็นกลางและไม่ใส่ใจในเรื่องที่ร้องเรียน
ขอพบผู้ว่าก็อ้างมีคิวเยอะ ผู้ที่มีอาวุโสเหนือกว่าผู้ที่รับเรื่อง ก็ให้ชื่อและเบอร์ไว้ แต่ไม่ยอมโอนให้
จึงต้องโทรไปใหม่ ปรากฎว่าท่านไม่อยู่ ไปต่างประเทศ กว่าจะกลับก็อีกหนึ่งอาทิตย์
ให้ต่อรองผู้ว่า ก็แกล้งไม่รับสาย โทรไปติด แต่กเลขาหน้าห้องรองผู้ว่าซึ่งน่าจะรู้เรื่องดีก็กดทิ้ง
โทรหาผู้จัดการเขตก็อ้างติดประชุมทุกครั้ง และยังไม่มีคำตอบที่ชอบด้วยเหตุผลให้อยู่ดี
ถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ เหมือนเช่นทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา โดยมีเจตนาไม่ชอบมาพากล
แล้วหากว่าที่ผู้ว่าแบงค์ชาติท่านใหม่ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย
มารับตำแหน่งเมื่อไร
ท่านจะกล้าสั่งให้ดำเนินการลงโทษธนาคารกสิกรไทยตามเรื่องที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปี หรือ ?
(รวมทั้งแบงค์อื่น ๆ ตามข้อมูลที่บรรจุไว้ในซีดีด้วย)


ร้องKBank แกล้งเอาเปรียบมา 5 ปี
+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า 3 ปี+สนุก 5 เดือน เหมือนไร้ผล
http://webboard.news.sanook.com/forum/3140735


ร้องเรียนKBankกลั่นแกล้งเอาเปรียบมาประมาณ 5 ปี
+แบงค์ชาติและสคบ.กว่า 3 ปี+สนุก 5 เดือน ดูเหมือนไร้ผล


สืบเนื่องมาจากการร้องเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านเว็บบอร์ดอาชญากรรม-สังคมของเว็บสนุกมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 5 เดือน โดยมีกระทู้หลักว่า

กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตาย
ของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบ ?
http://webboard.news.sanook.com/forum/2970966.html

และได้แตกกระทู้ออกไปอีกประมาณ 40 กระทู้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการพิจารณาให้เป็นประเด็นร้อนสุด ๆ มาโดยตลอด มีคนสนใจเข้ามาอ่านรวมเกินกว่า 130000 ครั้ง ต่อมาได้ถูกลบออกไปหมด จนปัจจุบันนี้มีกระทู้เหลืออยู่เพียง 3 กระทู้ดังนี้

ขึ้นบอร์ดกระทู้แนะนำแล้ว ! พวกสันดานแบงค์
อภิสิทธิ์ชน พรรคประชาวิบัติ ใครเลวกว่ากัน ?
http://webboard.news.sanook.com/forum/3042091_ขึ้นบอร์ดกระทู้
แนะนำแล้ว_!_พวกสันดานแบงค์_อภิสิทธิ์ชน_พรรคประชาวิบัติ_ใครเล.html


ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ
ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3055870

เทวดามีจริงหรือ ?- ฉีกหน้ากากเทวดา
+คลิปตาสว่าง+กระทู้แนะนำโดยสมาชิก
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3064283


หลังจากหยุดโพสต์มานานหลายเดือนเพราะต้องการรอคำตอบจากท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและสคบ. ก่อน จนกระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2553 จึงได้รับหนังสือตอบอย่างเป็นทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนกลับไปใหม่ดังนี้


(อ่านต่อด้านล่างเนื่องจากจำนวนคำเกิน 6000 ตัวอักษร)
(ข้อความทั้งหมดเหมือนหนังสือร้องเรียนที่ยื่นโดยตรง เลขที่ E53013755 วันที่ 2-6-53 จึงละไว้เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยมีอยู่แล้ว)


ส่วนทางสคบ.เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่า ให้ยุติเรื่องสั้น ๆ จะทำหนังสือแจ้งให้ทราบ รอมาร่วม 2 อาทิคย์แล้วก็ยังไม่ได้รับ หากได้รับเมื่อไรก็จะดำเนินการร้องเรียนแย้งกลับเช่นเดียวกับที่ทำกับแบงค์ชาติเช่นกัน จึงได้ตัดสินใจตั้งกระทู้นี้เพื่อชี้แจงให้เพื่อนสมาชิกที่เคยติดตามกระทู้ผมมาโดยตลอด รวมทั้งเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ๆ ที่สนใจ จะได้รับทราบ และช่วยกันออกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป


กระทู้โปรด-27-2-2553






noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #20 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:48 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

2 มิถุนายน 2553
เรื่อง ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ
เรียน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือที่ฝวต.(43) 292/2553 เรื่องร้องเรียนธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553
ตามที่ท่านได้มีหนังสือตอบเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 นั้น ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนนี้เองซึ่งการตอบครั้งนี้ถือว่าล่าช้ามาก (กว่า 5 เดือน) และไม่ได้ให้คำตอบใด ๆ ตามการร้องเรียนทั้ง 3 ครั้ง (23 ธันวาคม 2552 11 มีนาคม 2553 และ 1 เมษายน 2553) ของข้าพเจ้าแต่อย่างไร การที่ท่านได้ส่งหนังสือตอบจากทางกสิกรไทยแนบมา 2 ฉบับนั้น ( 22 ตุลาคม 2552 และ18 ธันวาคม 2552) ก็เป็นคำตอบที่ข้าพเจ้าได้โต้แย้งทั้งทางตรงและทางโทรศัพท์มาหลายครั้งหลายหนแล้วว่าไม่ตรงจริง ขาดความจริงใจ และตอบไม่ตรงประเด็น นอกจากนี้ คำร้องเรียนของข้าพเจ้าพร้อมข้อมูลตามกระทู้ที่ตั้งในบอร์ดแสดงความคิดเห็นใน www.sanook.com นั้น นอกจากจะเป็นการร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องที่ข้าพเจ้าถูกธนาคารกสิกรไทยฯ กลั่นแกล้งเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมจนข้าพเจ้าต้องสูญสิ้นลูกค้าและไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยทางธนาคารมีจุดมุ่งหมายที่จะยึดทรัพย์สินเพื่อดำเนินการขายทอดตลาดและขูดรีดเอาเปรียบดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับนาย.......... น้องชายของข้าพเจ้าตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียนกรรมการผู้จัดการใหญ่เพื่อประกอบกระทู้ กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบและธนาคารกสิกรไทยรีดเลือดกับปู ซื้อทรัพย์สินที่ยึดมาในราคาถูกมาก ขายได้ทุนคืน แล้วยังมาทวง ข้าพเจ้ายังมีข้อร้องเรียนภาพโดยรวมของธนาคารต่าง ๆ ที่คิดจ้องแต่จะหาช่องทางเอารัดเอาเปรียบลูกค้าอย่างสุด ๆ อีกมากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกฎกติกาสัญญาเพิ่มเติมตามใจชอบ ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างเงินฝากและเงินกู้มากเกินไป การเพิ่มค่าธรรมเนียมการให้บริการแบบมัดมือชก เช่น บัตร ATM การทำประกันในรูปแบบต่าง ๆ การออกหนังสือรับรองต่าง ๆ ฯลฯ การใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลูกค้าให้เสียค่าธรรมเนียมฟรี ๆ โดยไม่ได้อะไรเลย (ดังที่ข้าพเจ้าโดนมาแล้ว 2 ครั้ง เสียค่าประเมิน 2 ครั้ง แทนที่จะได้กู้เพิ่ม กลับโดนหั่นวงเงินเดิมขณะที่กำลังต้องการเงินหมุนเวียนเพิ่มจนต้องสูญสิ้นลูกค้าหมด และมีอีก 2 ราย ที่เสียค่าธรรมเนียมประมาณ 200,000 บาทโดยไม่ได้เงินกู้ ตามข้อมูลในแผ่น CD) ฯลฯ การที่ท่านได้ให้ฝ่ายกฎหมายของทางธนาคารพิจารณามาเป็นเวลานานและการที่ข้าพเจ้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมมาเกินกว่า 3 ปี แล้วท่านได้แต่ตอบมาสั้น ๆ ว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทยพบหลักฐานว่า ธนาคารกสิกรไทย ฯ มีการกระทำที่อาจเข้าข่ายการปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินภายใต้อำนาจหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย จักได้พิจารณาดำเนินการตามควรแก่กรณีต่อไป ท่านคิดไหมว่าผู้ร้องเรียนจะรู้สึกอย่างไร การที่ข้าพเจ้าร้องเรียนแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนแล้วว่า กรณีที่ทางธนาคารกสิกรไทย ฯ โฆษณาว่า “บริการทุกระดับประทับใจ” แต่ในความเป็นจริงที่ข้าพเจ้าได้รับคือ “บริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตาย” ตามกระทู้ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ว่า “กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบ” ซึ่งรวมทุก ๆ กระทู้ที่แตกออกไป มีคนอ่านกว่า 130,000 ครั้งได้ และเกือบทุกกระทู้ที่แตกออกไปก็ได้รับการยกขึ้นเป็นประเด็นร้อนสุด ๆ ในเว็บดังกล่าว หรือการลงข้อความในหนังสือรายงานประจำปีว่าธนาคารกสิกรไทย ฯ บริการโดยมีจริยธรรมและคุณธรรม แต่กลับทำตรงกันข้าม อย่างนี้ยังไม่ถือว่าธนาคารไม่ผิดสัญญาอีกหรือ ถ้าหากธนาคารกสิกรไทย ฯ เป็นธนาคารเถื่อนให้กู้ให้บริการนอกระบบและไม่มีโฆษณาเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็คงจะไม่มีข้อสงสัยค้างคาใจหรือติดใจที่ต้องร้องเรียนอีกต่อไป
ปัจจุบันนี้ท่านคงทราบดีว่าประเทศไทยปกครองโดยอำนาจดำมืดเผด็จการ ไร้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รัฐบาลปัจจุบันนี้ก็มีรากเหง้ามาจากเผด็จการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยิ่งการกระทำของรัฐบาลล่าสุดที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะกรณีการสั่งทหารมาเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าอย่างป่าเถื่อนโหด***มอำมหิตผิดมนุษย์มนาจนได้รับการตั้งฉายาว่า “รัฐบาลเผด็จการทรราชชาติชั่วมือเปื้อนเลือด” ข้าพเจ้าจึงไม่ประสงค์ให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีภาพลักษณ์เลวทรามต่ำช้าดังเช่นที่รัฐบาลเป็นอยู่นี้ การส่งเสริมให้ธนาคารต่าง ๆ เอารัดเอาเปรียบประชาชนจนเกินกว่าเหตุ เท่ากับเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก โคลงกลอนและเพลงที่ข้าพเจ้าแต่งตามที่ได้แสดงในกระทู้นั้น เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นได้เป็นอย่างดี หากท่านไม่ทำหน้าที่ที่ควรทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีไว้ ต่อไปท่านจะมีความภาคภูมิใจได้หรือในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยผู้ทรงเกียรติ หรือท่านต้องการให้มีคนประณามดังเช่นคุณนะฮะที่มาตอบกระทู้หนึ่งดังนี้



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #21 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:50 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
นะฮะ
ระวังน้า คุณหนูเสี่ยปั้นKbank แบงค์ต่าง ๆ ทำเยี่ยงนี้ มีหรือที่เปตนรกอบายภูมิจะไม่ถามหา
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3008259.new#new


คุณ Jr......
คนพวกนี้..เขาไม่ได้นับถือศาสนาเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป....เขาจึงไม่เกรงกลัวนรก หรือบาปกรรมใด ๆ.....
แต่คนพวกนี้..เขานับถือ สตังค์ สรณัง คัจฉามิ.. .ต่างหากล่ะ......
คุณไปร้องที่แบ้งค์ชาติ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย......
ผมก็ยังเห็นว่า....แบ้งค์ชาติ..นั่นแหละตัวดีเลยหละ.......
ผู้ว่าการแบ้งค์ชาติ นั้น เป็นประธานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน...อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย...
และกองทุนฟื้นฟูฯก็ไปตั้งบสส. หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ชื่อต่าง ๆ ขึ้นมา...แล้ว บสส.เหล่านั้น..ก็ไปนำเอาสินทรัพย์ที่มีปัญหาจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ มาขูดรีด...ทุกวิถีทางเอาจากคนไทยตาดำ ๆ ที่เป็นลูกหนี้....ของธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้วประสบเคราะห์กรรมทางเศรษฐกิจ...
บริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ จึงมีสถานะเป็นสถาบันการเงินของรัฐ เพราะมีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด ..คณะกรรมการบอร์ดใหญ่ก็ได้แก่ปลัดกระทรวงการคลังและ อธิบดีฯต่าง ๆ ในกระทรวงการคลัง ส่วนผู้จัดการ หรือผองส่วนต่าง ๆ ก็คือ คนที่มาจากธนาคารแห่งประเทศไทยแทบทั้งสิ้น....
โดยหนี้สินที่ลูกหนี้คงค้างชำระ..ซึ่งอาจเหลือเพียง 25 % ของยอดเงินกู้เดิม แต่ลูกหนี้ต้องถูกบริษัทบริหารสินทรัพย์ฯขูดรีดไปสูงถึง 8-900 % ของหนี้ค้างชำระทีเดียว....
หากไม่ให้ก็จะถูกฟ้องขับไล่ให้โยกย้ายออกจากบ้านตนเอง.....หรืออาจถูกจับตัวจำขังฐานขัดคำสั่งศาลได้......
ปีศาจ...ทั้งน้าน....แหละคุณเอ้ย.......!!!!!!( อ้อ..ผู้ว่าแบ้งค์ชาติ กินเงินเดือน ๆ ละกว่า 2 ล้านบาท...ส่วนรองฯ หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็ลดหลั่นกันลงมา....แต่หากทำงานผิดพลาดทำให้ประเทศเจ้งบ้งเสียหายไปนับหลายแสนล้าน....ก็ไม่ต้องชดใช้ใด ๆ....เพราะไม่มีปัญญาชดใช้....)

ข้าพเจ้าขอยืนกรานในการร้องเรียนต่อไปจนกว่าท่านหรือท่านผู้ว่าการท่านใหม่จะให้ความเป็นธรรมทั้งการร้องเรียนเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม ขอให้ท่านกรุณามีคำสั่งการให้ส่วนงานหรือหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ความร่วมมือในการช่วยแก้ไขปัญหาตามหนังสือร้องเรียนและ/หรือข้อมูลดังที่ปรากฏอยู่ใน CD ที่ข้าพเจ้ามอบให้ ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะกรุณาให้ได้คำตอบที่ชอบด้วยเหตุผลและชอบธรรมโดยเร็วด้วย


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #22 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:52 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
jrchai

ร้องKBank แกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล
http://webboard.news.sanook.com/forum/3140735
ตอบ #6 เมื่อ: 22 มิ.ย. 10, 13:34 น


ยังไม่จบเรื่องอีกหรอเนี้ย

ลองไปร้องเรียนที่หนังสือพิมพ์มั้งยัง ธนาคารหลายๆทนาคารก็พักพวกกันทั้งนั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะกี่เสียงความเดือดร้อน มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

ตอนนี้ มหาอำนาจ ครองเมือง คนมือเท้าครบ32 เดือดร้อนอย่าหวังว่ามันจะช่วย ขนาดคนพิการเดือดร้อนเรื่องอาชีพทำกินที่ถูกพักพวกกันแย่งอาชีพคน

พิการ มันยังไม่สนใจเลย ไล่ตะคลุบจับเข้าคุกหมด ประเทศไทยตอนีมีแต่พวกบ้าอำนาจ แย่ที่สุด

สู้มันต่อไปนะ


ขอบคุณครับ คุณ จขกท ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจเป็นอย่างดี
เรื่องนี้คงอีกยาวนานครับกว่าจะจบ
เพราะพวกสันดานเจ้าพ่อมาเฟียแบงค์นั้นอิงกับอำนาจเผด็จการมืดดำที่ชั่วร้ายดังที่คุณทราบดี
ตราบใดที่บ้านเมืองปกครองโดยพวกโจรกบฏเผด็จการทรราชชาติชั่วมือเปื้อนเลือดไร้คุณธรรม
ซ้ำยังใจดำโหด***มอำมหิตบงการสั่งเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าอย่างเลือดเย็นที่สุด
รวมทั้งการตามล้างตามผลาญล่าสังหารใส่ร้ายป้ายสีคนดี ๆ อยู่เช่นนี้
คนดี ๆ ที่ไหนเขาจะยอม จึงต้องออกมาร่วมมือร่วมใจกันแสดงพลังเรียกร้องต่อสู้ต่อต้านให้ถึงที่สุด
จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและความเป็นธรรมกลับคืนมาด้วย

สำหรับเรื่องส่วนตัวผมนั้นเป็นเรื่องเล็กครับ แต่เรื่องส่วนรวมนั้นสำคัญกว่ามากมายนัก
ทางธนาคารเจ้าเล่ห์จะเสนอลดดอกเบี้ยเงินกู้ชดเชยความสูญเสียให้ 1 % คืนเงินที่หั่นไปโดยไม่ชอบธรรม
รวมทั้งคืนเงินค่าประเมินที่ดินที่บริษ้ท PROGRESS APPRAISAL ประเมินที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก
และไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการเพราะสมรู้ร่วมคิดกับแบงค์กสิกรไทยเพื่อต้องการเอาเปรียบและปฏิเสธการกู้เงินเพิ่มจากหลักทรัพย์เดิม
โดยทางธนาคารมีเงื่อนไขให้หยุดร้องเรียนเรื่องทั้งหมดที่จะทำให้ธนาคารเสียหาย และไม่ขอกู้เพิ่มอีกต่อไป

ซึ่งผมทำไม่ได้เนื่องจากเรื่องส่วนตัวนั้น 2-3 เรื่ือง ตามที่เรียกร้องนั้น
เป็นสิ่งที่ทางธนาคารสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรีบทำอยู่แล้ว
-การลดดอกเบี้ย 1 % นั้น จริง ๆ แล้ว ทุกธนาคารสมควรลดให้ผู้กู้ทั่วทั้งประเทศด้วยซ้ำไป
เพราะธนาคารเอาเปรียบจากการลดดอกเบี้ยเงินฝาก 0.5 %และเงินกู้ 0.25 % มา 3-4 ครั้ง รวม 0.75-1 % อยู่แล้ว
-ส่วนเงินที่หั่นไปโดยไม่ชอบธรรมนั้น ตราบใดที่ธนาคารไม่คืนให้
ก็ไม่สามารถที่จะโฆษณาว่าแบงค์มีคุณธรรมจริยธรรมอีกต่อไป
-เรื่องเงินค่าประเมินที่ดินที่จะเจรจาคืนให้แล้วให้ยุติเรื่องนั้น แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว
และเป็นส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของสคบ.
-ส่วนการกู้เงินเพิ่มเติมที่แบงค์ปฏิเสธมาโดยตลอดนั้น ตอนนี้ผมสูญลูกค้าไปหมดแล้ว
และไม่มีแก่ใจที่จะคิดทำอะไรในตอนนี้เพราะมีรัฐบาลเผด็จการทรราชชาติชั่วมือเปื้อนเลือด
โคตรชั่วแสนห่วยแสนเลวทรามต่ำช้าหน้าด้านไร้ยางอาย
ถ้าหากวันข้างหน้าผมมีโครงการดี ๆ มาเสนอ ก็ควรพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล
ไม่ใช่มาสั่งห้ามเสนอหรือหากเสนอครั้งเดียวไม่ผ่านก็ให้ยุติ
อย่างนี้เท่ากับแสดงว่าธนาคารชอบใช้อำนาจเผด็จการที่ไม่ชอบธรรม
สนองตามนโนบายกลั่นแกล้งเอาเปรียบลูกค้าอย่างสุด ๆ ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ซึ่งนับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง


สำหรับเรื่องส่วนรวมนั้น เช่น
-การคืนเงินที่หักโดยมิชอบจากบัญชีกระแสรายวัน 100 บาทต่อเดือน
และ 50 บาทต่อเดือนจากบัญชีออมทรัพย์ และควรยกเลิกกฎนี้ทิ้งไปเสีย
-ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมากเกินไป อย่างน้อยควรลดเงินกู้ลงอีก 1 %
-ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ธนาคารเพิ่มเอาเองตามใจชอบแบบมัดมือชก
-บัตรเครดิต บัตร ATM
-เครื่องรับฝากเงินสดกินเงิน ตู้ ATM
-การใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกผู้กู้ให้เสียค่าธรรมเนียมเกินจำเป็น เสียค่าประเมินฟรีแล้วไม่อนุมัติ
เสียค่าประกันเพิ่มโดยใช่เหตุ ฯลฯ
-รวมทั้งเรื่องปลีกย่อมอีกมามายในแผ่น CD เช่น การให้บริการไม่ดี
การให้ข้อมูลไม่ชัดเจนทำให้ลูกค้าเสียหาย
การเอารัดเอาเปรียบลูกค้าอย่างหน้าด้าน ๆ ให้มากที่สุด
การสร้างความรำคาญขายโน่นขายนี่เพื่อสร้างยอดและผลงาน
การมีทัศนคติจิ้งจอกเจ้าเล่ห์โกหกหน้าตายไร้ยางอายไร้คุณธรรม ฯลฯ


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #23 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
กระทู้นี้โดนมือร้ายลบอีกแล้วครับ ?
ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ
ได้ เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3055870
(กระทู้นี้เคยได้รับการเลือกเป็นกระทู้แนะนำโดยสมาชิก
แล้วก็โดนปลดออกตามที่ผมเอ่ยไว้ข้างบนนี้)


สนใจอ่านกระทู้ที่มีสาระและป็นประโยชน์ประกอบกระทู้นี้ได้เป็นอย่างดี ดาวโหลดได้จากที่นี่ครับ

ประกาศ กระทู้ KBank แตกไฟล์ได้ 2 แฟ้มครับ
http://www.mediafire.com/?nkymnkrzk5d#2

โหลดแฟ้มเต็มครบถ้วนแฟ้มเดียวได้ที่นี่ แต่ต้องใช้โปรแกรม OPERA เปิดครับ
http://www.mediafire.com/?jthihnzfnzj



jrchai
Level 11
ความคิดเห็น: 1,368

ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ
ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว
เมื่อ: 11 มี.ค. 10, 20:42 น


วันนี้ผมถือว่าเป็น โอกาสอันดีที่จะประกาศแจ้งให้เพื่อนสมาชิกทั้งหลายได้ทราบว่า
กระทู้ ต่าง ๆ ในเว็บบอร์ดสนุกที่ผมตั้งมารวมมากกว่า 40 กระทู้ ตั้งแต่วันที่ 27-10-52 เป็นต้นมา
แม้ว่าจะถูกร้องเรียนให้ลบความคิดเห็นจนหมดเกลี้ยง ไปแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ตาม
แต่โชคยังดีที่ผมได้ทำสำเนาไว้ เกือบครบหมดทุกความคิดเห็นก่อนหน้าที่จะโดนลบรวมประมาณ 243 MB
จึงได้ ตัดสินใจทำการเขียนใส่แผ่น CD ส่งถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยถึงที่ด้วยตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อม ทั้งแนบเอกสารข้อเท็จจริงอ้างอิงประกอบกระทู้ที่ตั้งต่าง ๆ หลายฉบับด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
หนังสือที่ส่งให้สคบ.หลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ยที่ไม่ เป็นผลกับธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันที่ 11-02-53
ข้อมูลการประเมินที่ต่ำ กว่าความเป็นจริงมากของบริษัทประเมินทรัพย์สิน PROGRESS APPRAISAL
หนังสือ ตอบจากสมาคมธนาคารไทยกรณีการหักเงิน 50-100 บาท โดยมีเจตนาจะล้างบัญชีอย่างไม่เป็นธรรม
หนังสือการเอาเปรียบด้านการ ประเมินค่าประกันอัคคีภัยล่าสุด 2 ครั้ง
หนังสือรายละเอียดข้อมูลที่ส่ง ให้กับบริษัทข้อมูลเครดิตในรอบปีที่ผ่านมา
ที่แสดงยอดคงเหลือ ณ สิ้นเดือน บัตรเครดิตกสิกรไทย มากกว่าจริงเท่าตัว โดยไม่ทราบเหตุผล ฯลฯ
นอก จากนี้ผมยังได้ทำหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมถึงผู้ว่าการฯ ด้วยอีกฉบับหนึ่งเพื่อทวงคำตอบจากท่าน
ตามหนังสือที่ได้ร้องเรียนก่อน หน้านี้ให้ตรวจสอบกรรมการบริหารธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันที่ 23-12-52
โดย อ้างกระทู้ที่ตั้งในเว็บข่าวสนุกประกอบการร้องเรียนเหมือนเช่นการร้องเรียน ในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ได้เซ็นรับเรื่องไว้เป็นที่เรียบร้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ท่านใหม่ที่รับเรื่องแจ้งให้ทราบว่า
ได้ติดต่อนัดกับทาง ธนาคารให้มาร่วมเจรจา 3 ฝ่าย คล้ายที่ได้ทำที่สคบ.แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ
โดย ให้สัญญาว่าจะให้คำตอบในวันที่ 17 นี้ เพื่อกำหนดวันนัดที่แท้จริงอีกทีหนึ่ง (หวังว่าจะไม่เหมือนครั้งที่แล้ว)
ส่วน สาเหตุที่ทางแบงค์ชาติไม่ตอบหนังสือที่ร้องเรียนทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เจ้าหน้าที่ท่านนี้ไม่สามารถตอบได้
(ปกติควรจะ ต้องมีคำตอบให้ใน 15 วัน แม้ว่าจะโทรทวงถามคำตอบทุกอาทิตย์
แต่ก็มีแต่ การปัดโยนไปโน่นนี่แทน)

ในครั้งนี้ ผมขออนุญาตโพสต์เพื่อประกาศแจ้งให้เพื่อนสมาชิกทราบอย่างเป็นทางการ
แต่ ไม่ปรารถนาจะโต้ตอบหรือโพสต์ข้อความเพิ่มโดยไม่จำเป็นแต่อย่างไร
เพราะ เกรงว่ากระทู้อาจจะโดนลบหรือล็อกอีกโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอและไม่เป็นธรรมดัง เช่นครั้งก่อน
(ลบเฉพาะความคิดเห็นผู้ตั้งกระทู้ แต่คงความคิดเห็นของผู้อ่านไว้)


กระทู้โปรดที่ โพสต์ถึงวันที่ 27-02-53




noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #24 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 21:56 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ขอแนะนำกระทู้ข้อมูลที่มีประโยชน์
และเต็มไปด้วยสาระเชื่อมโยงกันมากมายครับ


Kbank แบงค์ชาติและนายกรณ์ เมื่อไรเลิกเล่นละครสร้างภาพตบตา
ทำนาบนหลังประชาชนเสียทื
http://webboard.news.sanook.com/forum/3277117


กระทุ้นี้ตั้งจากรายละเอียดของกระทู้นี้ที่ถูกลบทิ้งไปเมื่อตอนเย็นนี้เอง
ผมได้ทำลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดไว้ให้ตามนี้ (ใช้ Firefox เปิดเหมาะสุด)

กก.ผจ.KBank ขูดรีดกลั่นแกล้งเอาเปรียบลูกค้าเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ชาติไม่ฉิบหายหรือ.
htmhttp://www.mediafire.com/?16l564129lq37ui#1
(664.31 KB)

ส่วนท่านใดสนใจอ่านโดยตรงผมได้เปลี่ยนชื่อกระทู้ใหม่ตามหัวข้อข่าว
เพื่อกันการถูกลบโดยไร้เหตุผลซึ่งทำให้ต้องเสียเวลานาน
กว่าจะตั้งกระทู้ให้ได้ครบเหมือนเดิม


"กรณ์"จี้แบงก์รัฐลดค่าต๋งอย่างเป็นธรรมเพื่อลูกค้า
+เลิกฟันส่วนต่าง ดบ.บนหลัง ปชช.
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3276904.new#


"กรณ์"จี้แบงก์รัฐลดค่าต๋งอย่างเป็นธรรมเพื่อลูกค้า
http://www.thairath.co.th/content/eco/116253




รมว.คลัง จี้ แบงก์พาณิชย์ ลดค่าธรรมเนียมเพิ่มเพราะที่ตกลงกับสมาคมธนาคารไทยยังถือเป็นอัตราที่สูงอยู่ หวังเห็นแบงก์รัฐเป็นแบบอย่างลดค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรมเพื่อลูกค้า

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ไทย ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ โดยมองว่า ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ธนาคารพาณิชย์คิดจากประชาชนควรจะลดลงได้อีก แม้ว่า สมาคมธนาคารไทยได้ตกลงกับ ธนาคารพาณิชย์ปรับลดค่าธรรมเนียมลงแล้วก็ตาม แต่ในความเห็นส่วนยังน้อยเกินไป

“ผมพูดในแง่ของประชาชนคนหนึ่งที่ต้องการแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ก็รับฝากเงินจากประชาชนในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากๆ แล้วไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่แพง ทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของไทยสูงมาก ทำให้ธนาคารมีกำไรไปแล้วส่วนหนึ่ง ดังนั้น ธนาคารก็ควรให้ความเป็นธรรมกับผู้ฝากเงิน โดยคิดค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรมด้วย” รมว.คลัง กล่าว

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ในเมื่อธนาคารพาณิชย์ลดค่าธรรมเนียมน้อยกว่าที่ควรที่จะเป็น ก็อยากเห็นธนาคารของรัฐดำเนินการลดค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรมเพื่อลูกค้าของ ตนเอง ซึ่งล่าสุด ธนาคารกรุงไทยที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ได้ส่งสัญญาณมาแล้วว่า จะหาแนวทางปรับลดค่าธรรมเนียมของธุรกรรมการเงิน ที่คิดจากประชาชนให้ลดลง เนื่องจากธนาคารกรุงไทยได้รับเงินฝากจำนวนมากจากภาครัฐ ซึ่งถือว่ามีต้นทุนต่ำ ดังนั้น จึงจะมีการตอบแทนกลับไปให้กับประชาชน ในเรื่องการลดค่าธรรมเนียมด้วย โดยจะเป็นผู้นำของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ในการปรับลดค่าธรรมเนียมในระยะต่อไป


***********************************************************

นายกรณ์ดีแต่พูดเอาหน้าเอาตา ไม่เห็นทำได้ตามที่พูดไว้สักนิดหนึ่ง
โดยเฉพาะเรื่องส่วนต่างดอกเบี้ยที่ให้ข่าวไว้ข้ามปีกว่ามาแล้ว
ดังข่าวจากกระทู้แนะนำข้างล่างนี้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2552


กรณ์สวนหมัดเสี่ยปั้น แนะเลิกฟันส่วนต่าง ดบ.บนหลัง ปชช.
http://www.jjthai.net/articles/43

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #25 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 22:00 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ขอแนะนำกระทู้ข้อเท็จจริงจากการเป็นลูกค้าธนาคารกสิกรไทย(และธนาคารต่าง ๆ)
ซึ่งได้รวบรวมเอาความคิดเห็นสำคัญ ๆ เกี่ยวกับการเอาเปรียบประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม
จากกระทู้ต่าง ๆ หลายสิบกระทู้ที่แตกออกไปจากกระทู้หลักนี้มารวมกัน
รวมทั้งตัวอย่างกระทู้ที่สำคัญ ๆ ที่อ้างอิงในกระทู้นี้มาเป็นเครื่องยืนยันถึง
มาตรฐานกระบวนการยุติธรรม จริยธรรมและคุณธรรมในสังคมและการเมืองไทยนั้น
ช่างหาได้ยากเย็นแสนเข็ญเสียจริง ๆ

ท่านที่สนใจสามารถที่จะดาวน์โหลดได้จากลิ้งค์ที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ครับ
ใช้โปรแกรม winrar แตกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา จะได้ 13 แฟ้ม
แฟ้มที่ 1-12 ต้องใช้โปรแกรม OPERA ที่ว่างเปล่า ไม่มีการเปิดเว็บใด ๆ ค้างไว้ จึงจะเปิดได้
ส่วนแฟ้มที่ 13 นั้น เปิดโดย browser ใด ๆ ก็ได้

(ดาวน์โหลด Opera 10.61 web browser ฟรี สำหรับเปิดแฟ้ม
http://www.opera.com/)

กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่าน
ควรทราบ
http://www.mediafire.com/?oiynzncah3m#2
หรือ
กลยุทธการเอาเปรียบของกสิกรไทย.zip (มี 13 แฟ้ม)
15.87 MB
http://www.mediafire.com/?mcyy643cvo14l28

ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว.mht
7.53 MB
http://www.mediafire.com/?jthihnzfnzj
หรือ
http://www.mediafire.com/?861huy8nbua0at0

ระวังน้า คุณหนูเสี่ยปั้นKbank แบงค์ต่าง ๆ ทำเยี่ยงนี้ มีหรือที่เปตนรกอบายภูมิจะไม่ถามหา
ระวังน้าคุณหนูเสี่ยปั้น.rar
131.7 KB
http://www.mediafire.com/?aust89gx6vjz9u0

เทวดามีจริงหรือ - ฉีกหน้ากากเทวดา+คลิปตาสว่าง+กระทู้แนะนำโดยสมาชิก
(มีลิ้งค์ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะที่ขึ้นชื่อหลายเล่มด้วยกันในกระทู้นี้
และเป็นกระทู้สุดท้ายก่อนหยุดการตั้งกระทู้และการโพสต์ไปร่วม 2 เดือนได้
เป็นกระทู้ที่มีคนเข้าชมกว่า 10000 ครั้ง ซึ่งถือว่าฮ็อตสุด ๆ กระทู้หนึ่งเลยทีเดียว)
เทวดามีจริงหรือ.rar
5.86 MB
http://www.mediafire.com/?y0hh9fttmln9yyx

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #26 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 22:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เพราะกระทู้ดี ๆ มีสาระประโยชน์นี้ ไปจี้จุดแทงใจดำคนเลว จึงโดนแกล้งลบหรือหายวับไป
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3316284#


เนื่องจากมีข้อความจากผู้ดูแลเว็บบอร์ดให้ไปชมกระทู้นี้

กระทู้: ประกาศ !!! สถานการณ์ฉุกเฉินกระทู้หาย ใครรับผิดชอบ - Webmaster แว้วจ้า...... (อ่าน 406 ครั้ง)
http://webboard.sanook.com/forum/?topic=3315610


fonitm17
ขาประจํา
คะแนนสะสม: 417 แต้ม
ความคิดเห็น: 435

ประกาศ !!! สถานการณ์ฉุกเฉินกระทู้หาย ใครรับผิดชอบ - Webmaster แว้วจ้า......
ผู้ตั้งกระทู้: 15 พ.ย. 10, 15:19 น

สะ-บาย-ดี เพื่อนสมาชิกเว็ปบอร์ด

หลังจากลาพักร้อนไปตามหาอนันดาที่หลวงพระบางมา เช็คเมลล์ของพี่ Moderator ระหว่างอยู่ลาวก็รู้ว่างานเข้าอีกแล้ว...ฝนเอ้ย!!!!!

เมื่อ เครื่อง Landing ถึงเมืองไทย ต้องขอตั้งกระทู้แก้ตัว ก่อนจะไปแก้ไข ที่ทะเลาะกันอยู่จนเป็นอารมณ์ แทบจะฆ่ากันตายเพราะกระทู้หาย ข้อความไม่ขึ้น เอาเป็นว่างานนี้ ขอบอกว่าไม่ต้องโทษ Moderator ให้เสียเวลา เพราะขนาดกระทู้ฝนเองก็หายไปกลางอากาศ....

คิดเเอาจะมีน้องในทีมคน ไหนมันจะกล้าสอยกระทู้นาย... เมื่อสักเดือนที่แล้วน้อง DekPakDee ก็เคยสายตรงให้พี่ฝนสะดุ้งทุกที่ที่เห็นเบอร์น้อง ว่ากระทู้หาย เราก็จัดไปให้ IT ดูให้ ก็ดันมี log ว่าน้องในทีม Moderator ทำการ aprove ให้ผ่านไปแล้ว คราวนั้นก็จับมือใครดมไม่ได้

ส่วนช่วงนี้รู้สึก อาการจะหนักขึ้นทุกวัน หายถี่จัด แต่หลายคนมักจะจำ URL ไม่ได้ แม้แต่ฝนเอง ทางฝนจึงอยากขอความร่วมมือ พี่น้องชาวเรา ที่มี URL ที่บอกว่าตั้งไปแล้ว หาย ช่วยจัดส่งให้หน่อยนะคะ....

เพราะจะได้เอาไปนั่งยัน ยืนยันว่าไม่ใช่ Human Error แน่ๆๆ เอาแค่ URL มาอย่างเดียวพอ ส่วนข้อมูลหายไปแล้วไม่เป็นไร ที่เหลือฝนจัดการให้ค่ะ

ขออภัยในความไม่สะดวก....และปล่อยให้ทะเลาะกัน


ฝน


พอดีผมมีปัญหาเช่นกัน จึงได้แแสดงความคิดเห็นตามข้อความนี้ในวันนี้ และความเห็นข้างล่างซ้ำกับที่ได้แสดงไว้แต่มะวาน แต่ก็โดนลบทิ้งหลังจากโพสต์ได้ไม่นาน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทางสนุกมีความจริงใจในการแก้ปัญหานี้หรือไม่ ?

*****************************************

กระทู้จี้จุดแทงใจดำมารต่ำช้า ช่างล้ำค่าสร้างปัญญาหาใดเหมือน-มารต่างสะท้านสะเทือน
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3311011.45


เนื่องจากกระทู้นี้มีคนจ้องลบความคิดเห็นตอนท้าย ๆ นี้มาหลายครั้งแล้วโดยไม่ทราบเจตนาที่แท้จริง แม้แต่ความคิดเห็นโต้ตอบ 2 ประเด็นท้ายสุดนี้ ก็โดนลบเช่นกัน และเมื่อผมนำเอาประเด็นท้ายสุดนี้ไปโพสต์ที่กระทู้

จะ ๆ ชัด ๆ ฮือฮา!! คลิปล็อบบี้ศาล รธน.คดียุบพรรค ปชป ว่อนเน็ต ครหาว่าตาชั่งเอียง

ก็โดนลบทิ้งทั้งกระทู้เลย ผมจึงได้ UPLOAD กระทู้ดังกล่าวมาให้ท่านที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปอ่านได้ตามลิ้งค์ที่ให้ไว้นี้ รวมทั้งกระทู้การชุมนุมหน้า UN ด้วย เพราะเห็นว่ามีข้อมูลคลิปและรูปภาพจำนวนมากมายประกอบในกระทู้นี้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ และน่าจะเป็นแบบอย่างการตั้งกระทู้ที่ดีได้ด้วย


กระทู้จี้จุดแทงใจดำมารต่ำช้า ช่างล้ำค่าสร้างปัญญาหาใดเหมือน-มารต่างสะท้านสะเทือน.rar
http://www.mediafire.com/?hq5c7lwa1ipiawq

จะ ๆ ชัด ๆ ฮือฮา!! คลิปล็อบบี้ศาล รธน.คดียุบพรรค ปชป ว่อนเน็ต ครหาว่าตาชั่งเอียง
คลิปล็อบบี้ศาล รธน.คดียุบพรรค ปชป.rar
http://www.mediafire.com/?eyg9a7skv0xzthy

คลิปชุมนุมคนเสื้อแดง 3 ตอน หน้า UN 26 นี้ ได้รสชาติครบถ้วน สุดยอดเหนือคำบรรยาย !
คลิปชุมนุมคนเสื้อแดง 3 ตอน หน้า UN 26 นี้.rar
http://www.mediafire.com/?hji7ic9yk2c0r5z

คำเดียวสั้น ๆ สำหรับสุภาพบุรุษสุดหล่อ เลว ๆ.rar
http://www.mediafire.com/?7tsjhfzeyv1wa0y

นายไพบูลย์สำนึกผิดแล้ว แล้วนายมาร์ค ม.7 คิดจะสารภาพบาปผิดคิดชั่วช้าบ้างหรือยัง ?
นายมาร์ค ม.7 คิดจะสารภาพบาปผิดคิดชั่วช้าบ้างหรือยัง.rar
http://www.mediafire.com/?nnp4ti2v1lej3br

เสื้อแดงทวงความถูกต้อง“สองปี สองมาตรฐานพาลชนคนอธรรม”19 กันยายนแดงพรึบทั่้วโลก
เสื้อแดงทวงความถูกต้อง“สองปี สองมาตรฐานพาลชนคนอธรรม”.rar
http://www.mediafire.com/?eqjqgagdax9208a

กระทู้เก่าที่มีคนดาวน์โหลดสูงสุดกว่า 1000 ครั้ง และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

หลัการใหญ่ๆ ที่รัฐบาลเด็กเวรจอมสร้างภาพแก้อย่างไรก็ไม่ตก โกหกอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
หลักการใหญ่ ๆ ที่รัฐบาลเด็กเวร.rar
17.07 MB -1394 Downloads
http://www.mediafire.com/download.php?hewcbpho8oa6j22

ไล่ตะเพิดตีแสกหน้านายกจอมแหลสร้างภาพปรองดองบนกองเลือด-ตามเชือดตำตาตำใจไร้ขื่อแป
ไล่ตะเพิดตีแสกหน้านายกจอมแหล.rar
279.68 KB-581 Downloads
http://www.mediafire.com/download.php?9ztzaaagic2ymdc

สุดยอด-ภูมิใจประทับใจปลื้ม-สุขใจ แดงตาสว่างทั่ว ต้องลากตัวฆาตกรผู้บงการมาให้ได้.rar
http://www.mediafire.com/download.php?d8dqppb3omidji9

เทวดามีจริงหรือ - ฉีกหน้ากากเทวดา+คลิปตาสว่าง+กระทู้แนะนำโดยสมาชิก
เทวดามีจริงหรือ.rar
http://www.mediafire.com/download.php?w9z432jp3s6

กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบ.rar
15.87 MB-95 Downloads
http://www.mediafire.com/download.php?ctjo18l4y3y

ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว-1.htm
http://www.mediafire.com/download.php?85dsjnlcqnf

ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว.mht
http://www.mediafire.com/download.php?so2bi55bt97

กก.ผจ.KBank ขูดรีดกลั่นแกล้งเอาเปรียบลูกค้าเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ชาติไม่ฉิบหายหรือ.htm
http://www.mediafire.com/download.php?16l564129lq37ui



++++++++++++++++++++++++++++++++


พอดีกระทู้นี้ผมเซฟไว้ได้ น่าจะเป็นประโยชน์ใจการค้นหาผู้รับผิดชอบได้ เพราะผมตั้งกระทู้กว่า 5 ครั้ง หายเรียบ รวมทั้งกระทู้ที่ผมแปะเสนอก่อนหน้านี้ด้วย ไม่ทราบใครลบความเห็นทิ้งอีก


กระทู้จี้จุดแทงใจดำมารต่ำช้า-เหล่าข้าทาสอำมาตย์มารต่างสะท้านสะเทือนน่าทุเรศจริง ๆ
file:///forum/?topic=3310738.msg16523668#msg16523668

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #27 เมื่อ: 23 ธ.ค. 10, 22:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
กระทู้จี้จุดแทงใจดำมารต่ำช้า ช่างล้ำค่าสร้างปัญญาหาใดเหมือน-มารต่างสะท้านสะเทือน
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3311011


กระทู้จี้จุดแทงใจดำมาร