หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: วินัยลูกพระอ่าทิตย์ ความงดงามในวันหายนะ  (อ่าน 94 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 1 เม.ย. 11, 10:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
บทความ ”หัวใจสาธารณะ...ความงดงาม ในวันหายนะ”
โดย พ.ต.ท.เชิงรณ ริมผดี cmonkey_t***


ช่วงนี้คงไม่มีอะไรที่ทำให้โลกตระหนกตกใจ ขวัญเสีย ได้มากไปกว่าการรับฟังข่าวสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น นับเป็นเหตุการณ์เลวร้ายครั้งรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับประเทศระดับยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกหลังจากเหตุการณ์ปรมณูที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะที่ชาวญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรง ทั้งแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ รวมไปถึงการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่นกล่าวในวันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ภัยพิบัติครั้งนี้นับว่าเป็นวิกฤตร้ายแรงที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กระนั้น ภาพที่โลกได้เห็นคือ ผู้คนที่มีสีหน้าสงบนิ่ง และมีสติพอที่จะอยู่ในระเบียบวินัย ไม่มีข่าวคราวความวุ่นวายโกลาหล ปล้นสะดม หรือฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมเอาเปรียบจากเคราะห์กรรมของเพื่อนมนุษย์ โดยชาวญี่ปุ่นจะต่อแุถวเข้าคิวรับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย รวมไปถึงการซื้อสินค้าตามร้านค้าต่างๆ
นี่คือคำตอบให้ทุกประเทศทั่วโลก ทั้งที่พัฒนาแล้ว เหมือนพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา และด้อยพัฒนา ได้เห็นว่า ผลจากการยึดมั่นศรัทธาใน “ หัวใจสาธารณะ หรือ Public Heart “ ได้ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลอย่างไร

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 1 เม.ย. 11, 11:15 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เวรกรรมของบ้านเมืองที่ขาดหัวใจสาธารณะ
ก่อนอื่น อยากให้ลองหันกลับมาดูบ้านเมือง สังคมที่ผู้คนไม่มีหัวใจสาธารณะ ว่าผู้คนในสังคมจะมีพฤติกรรมและผลลัพธ์ในสภาพใด
-สังคมเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน เบียดเบียน แย่งชิงกัน แม้กระทั่งการเอาเปรียบเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวัน การละเมิดกฏกติกาของสังคมได้อย่างหน้าตาเฉยขาดความละอาย ถูกมองว่าเป็นเรื่องของชัยชนะและสิทธิอันชอบธรรมของคนกล้า ในทำนอง “ด้านได้อาย...อด” หรือ “ใจกล้าหน้าด้าน”..หรือล่อเอาเถิดกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในทำนอง” จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน“ มักจะปรากฏพฤติกรรมชัดเจนจากการละเมิดกฏจราจร เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัย การไม่หยุดรถให้คนข้ามที่ทางม้าลาย ฯลฯ
-ผู้คนขาดความเกรงใจซึ่งกันและกัน โดยเห็นเฉพาะประโยชน์และสิทธิของตัวเอง และพวกพ้องเป็นลำดับแรก ส่งผลให้เกิดภาวะสังคมที่ขาดความน่าเชื่อถือ และไว้วางใจซึ่งกันและกัน สังเกตุจากพฤติกรรม เช่น การไม่ตรงต่อเวลา ฯลฯ
-เป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากกว่าผลลัพธ์ จึงเป็นสังคมที่ลืมง่าย ผู้คนเสแสร้งสร้างภาพ เน้นทำงานให้เสร็จมากว่าความสำเร็จ จึงเป็นสังคมแบบศรีธนญชัย อาศัยเล่ห์เหลี่ยมข้ออ้างเพื่อประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ
-มักปรากฏภาพการรวมตัวกันเพื่อสร้างพลังมวลชน ควบคู่กับการใช้สาธารณะประโยชน์เป็นเงื่อนไขเรียกร้องเร่งเร้าให้มีการสนองตอบ...และสามารถเพิ่มระดับความรุนแรง โดยรัฐขาดความสามารถในการดำเนินการตามกฏหมาย
-ผู้คนมีคุณภาพชีวิตต่ำ มีความเสี่ยงต่อภัยอันตรายต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น อาชญากร อุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท
-สังคมขาดความเสมอภาคต่อการบริการสาธารณะ โอกาสเป็นของผู้มีอำนาจ มีฐานะ สามารถใช้ชีวิตแบบ Fast Track แทบทุกพื้นที่ในสังคม
-เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นไม่ว่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม หรือภัยธรรมชาติ จะยิ่งเกิดภาวะความโกลาหลวุ่นวาย แย่งชิง ทำร้าย และอาชญากรรม ทุกหัวระแหง เนื่องจากขาดการวางแผนที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง เตรียมรองรับไว้ก่อนล่วงหน้า ขาดการฝึกซ้อม และเตรียมการณ์ต่อการเผชิญภาวะฉุกเฉิน ขาดความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือในภาวะแร้นแค้น

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 1 เม.ย. 11, 11:17 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

หัวใจสาธารณะ ในประเทศไทย
ประเทศไทยมีการบัญญัติคำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันไว้ในราชบัณฑิตยสถาน คือคำว่า “จิตสาธารณะหรือจิตสำนึกสาธารณะ (PublicConsciousness)” ซึ่งมีความหมายว่า การตระหนักรู้และคำนึงถึงส่วนรวมร่วมกัน หรือการคำนึงถึงผู้อื่นที่ร่วมสัมพันธ์เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยเป็นบทเรียนไว้ในหัวข้อหน้าที่พลเมือง ของวิชาสังคมศึกษา ซึ่งระบุสาระถึงการมีจิตสาธารณะในฐานะพลเมืองที่ดีตามวิถีประชาธิปไตยทั้งหน้าที่และการปฏิบัติตน อันประกอบด้วย
จริยธรรม หมายถึง หลักในการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหาย
คุณธรรม หมายถึง หลักในการประพฤติปฏิบัติที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
ศีลธรรม หมายถึง หลักในการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหาย พร้อมกันนั้นก็สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นด้วย
เหตุที่ผมท้าวความเอาเรื่องที่เราเคยเรียนรู้ในวัยเด็กมาเขียนถึงอีกครั้ง เพื่ออยากให้พวกเราคนไทยตั้งข้อสังเกตุกับตัวเอง ในวันที่มนุษย์จะต้องเผชิญหน้ากับ”สิ่งไม่คาดฝัน”ว่า เราได้ละเลยการดำรงจิตสาธารณะในสังคมไปมากเพียงใด ...ผมคงไม่ต้องบอก เพราะเราคนไทย ย่อมรู้อยู่แล้วแก่ใจ แต่ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า
-ตัวเรา ยึดมั่น และดำรงตน อย่างมีจิตสาธารณะ ในชีวิตประจำวันนี้ เพียงใด
-หากประเทศเรา บ้านเรา ต้องเผชิญภาวะภัยคุกคามเช่นเดียวกัน หรือหนักกว่าพี่น้องชาวญี่ปุ่นที่เผชิญอยู่ขณะนี้ และกำลังอยู่ในภาวะที่บ้านเมืองต้องนับหนึ่งใหม่ ทั้งเชื้อเพลิง พลังงาน อาหาร และ การดำรงชีวิต ...ประเทศไทยจะมีจิตสาธารณะพียงพอต่อการบรรเทาหายนะที่เกิดขึ้นหรือไม่
คนไทยทุกคนลองน่าจะหาคำตอบให้กับตัวเองดู
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 1 เม.ย. 11, 13:40 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

หัวใจสาธารณะของคนญี่ปุ่นในวันที่ชีวิตนับหนึ่ง
เหตุที่ผมใช้คำว่า”หัวใจสาธารณะ”แทนที่จะใช้คำว่า “จิตสาธารณะ”เพราะว่า คำว่า หัวใจสาธารณะ น่าจะสามารถสื่อความหมาย อธิบาย และกระตุ้นความเข้าใจได้มากกว่า
หากอธิบายความคงจะต้องพูดในเชิงวิชาการกันยืดยาว และไร้ประโยชน์ ภายใต้พื้นที่คอลัมภ์ที่จำกัดแต่ขอยกพฤติกรรม”หัวใจสาธารณะ”ที่ผมได้มีโอกาสอ่านในอีเมล์ของผม โดยคุณผู้ใช้นาม Adisak chua ได้แปลความภาษาญี่ปุ่นที่เขียนไว้ใน hhtp://prayforjapan.jp/tweet.html เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแก่คนผุ้ประสบภัยชาวญี่ปุ่น ที่แสดงหัวใจสาธารณะต่อกัน ว่า...
-ได้พบเด็กน้อย พูดกับพนักงานรถไฟว่า “ขอขอบคุณ ที่เมื่อวาน พวกท่านพยายามอย่างสุดชีวิตที่ทำให้รถไปไฟได้" พนักงานรถไฟถึงกับร่ำไห้ด้วยความตื้นตันใจ ( เมื่อคืนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ไฟดับ รถไฟหยุดวิ่ง จนเที่ยงคืนจึงสามารถใช้ได้) “
- ในซุปเปอร์มีสินค้าตกหล่น ระเกะระกะ จากการสั่นไหว ขณะที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้ช่วยกันเก็บของและคัดเอาเฉพาะสินค้าที่ตัวเองต้องการไปต่อคิวชำระเงิน
- คนจำนวนมากต้องเดินเท้ากลับที่พัก ขณะที่มีคุณป้าเจ้าของร้านขนม คอยยืนแจกขนมปังแก่ผู้สัญจรผ่านฟรี แสดงถึงความมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมชาติ ในยามวิกฤติ
- ระยะเวลาถึง 4 ชั่วโมงในการเดินเท้ากลับบ้าน ขณะผ่านบ้านหลังหนึ่ง พบป้ายกระดาษติดที่ประตูหน้าบ้าน ปรากฏข้อความว่า “ เชิญใช้ห้องน้ำในบ้านได้ค่ะ” และพบหญิงสาวเจ้าของบ้านเปิดประตูให้คนแก่เข้าไปใช้ห้องน้ำในบ้าน ในขณะที่น้ำตาของเราไหลด้วยความตื้นตันใจ
- ในหลุมหลบภัยแห่งหนึ่งในจังหวัดจิบะ ลุงคนหนึ่งเปรยขึ้นมาว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรนะ เด็กหนุ่ม ม.ปลาย ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง นับแต่นี้ต่อไป เมื่อพวกผมเป็นผู้ใหญ่ พวกผมจะทำให้กลับมาเหมือนเดิมแน่นอน
- ในวันที่ไฟดับ ในวันที่น้ำหยุดไหล ไม่มีสิ่งใดกลับมาสู่ภาวะปกติได้ด้วยตัวมันเอง แต่มีคนที่ไม่ยอมแพ้ อยู่ข้างนอกพยายามซ่อมแซมให้ไฟติด ให้น้ำไหล แม้กระทั่งโรงงานนิวเคลียร์มีปัญหา ก็ยังมีคนสู้กล้าตายเข้าไปเอาชนะมัน ท่ามกลางความหนาวเหน็บ และหัวใจแห่งนักสู้ จนเป็นที่ยอมรับในหัวใจนักสู้ไปทั่วโลก
- รัฐบาลญี่ปุ่น พิจารณารับการช่วยเหลือจากต่างประเทศอย่างมีระเบียบ เนื่องจากญี่ปุ่นมีการกำหนดแผนและขั้นตอนในแต่ละขั้นเอาไว้แล้วโดยลำดับ ดังนั้น การะดมเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือจากต่างชาติอย่างไม่มีกรอบการบูรณาการ ย่อมกลายเป็นการแทรกแซงและสร้างความวุ่นวายโกลาหลมากกว่าการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 1 เม.ย. 11, 13:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เราไม่เห็นคนญี่ปุ่นตะโกนด่าทอรัฐบาล เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เห็นเพียงแต่ชาวญี่ปุ่นที่ยอมรับความสูญเสีย ก้มหน้ารับชะตากรรมที่เกิดขึ้น แม้ว่าคนญี่ปุ่นจะเป็นชาติที่วางแผนเตรียมตัวมาดีที่สุดในโลกในการรับมือกับแผ่นดินไหว แต่ยอมรับว่าครั้งนี้สู้ไม่ได้ แต่คนญี่ปุ่นเป็นคนไม่ยอมพ่ายแพ้ เราจึงเห็นคนญี่ปุ่นทุกคนร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลืออย่างมีวินัย ไม่มีเสียงบ่น เสียงตะโกนด่าทอว่าเป็นความผิดของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เห็นความร่วมมือร่วมใจในการค้นหาผู้บาดเจ็บและสูญหายอย่างเป็นระเบียบ เห็นความสามัคคี ความอดทนของลูกหลานซามูไรเหล่านี้
“ หัวใจสาธารณะ” จึงไม่ใช่คำเกินจริงสำหรับคนญี่ปุ่น และสามารถทำให้คนญี่ปุ่นร่วมเผชิญภาวะวิกฤติอย่างมีสติ บรรเทาหายนะและความสูญเสีย และพร้อมที่จับหนึ่ง เร่งฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
หัวใจสาธารณะในดีเอ็นเอของคนญี่ปุ่นเกิดขึ้น จากการฝึกอบรม สั่งสอนอย่างจริงจัง ตั้งแต่เยาว์วัย ให้เชื่อในเรื่อง “ส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว”
วินัยในความหมายของคนญี่ปุ่น ไม่ได้มีความหมายแค่การทำตามคำสั่ง อาทินักเรียนทำตามคำสั่งครู ทหาร ตำรวจทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาแบบคนไทย หรือวินัยแค่การยืนตรงเคารพธงชาติตอนหกโมงเย็นเท่านั้น แต่วินัยของคนญี่ปุ่นคือการแสดงออกถึงการเคารพสิทธิของคนอื่น เคารพสิทธิของคนเข้าคิวก่อน เคารพการอยู่ร่วมกันในสังคม ทุกคนทำตามกติการของสังคมอย่างเสมอภาค
เวลาข้ามทางม้าลายในประเทศนี้ เพียงแค่เรามายืนอยู่ตรงริมถนน คนขับรถก็จะชะลอรถ หยุดให้คนเดินข้ามทางม้าลาย เพราะเคารพสิทธิของคนข้ามถนนก่อน ขณะที่หลายประเทศพอคนมายืนริมฟุตบาท คนขับรถกลับเหยียบคันเร่งทันที
ที่สำคัญคือ ในอดีตที่ผ่านมาญี่ปุ่นมีพลเมืองอาศัยบนเกาะจำนวนมาก พื้นที่จำกัด ทรัพยากรจำกัด คนญี่ปุ่นจึงเข้าใจดีว่า การจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรมจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้กฎกติกาที่ทุกคนต้องเคารพร่วมกัน ไม่มีอภิสิทธิ์ชน หรือใครมีสีใครมีเส้นสามารถมีสิทธิเหนือคนอื่น ขับรถเปิดเสียงไซเรนฝ่าไฟแดงได้จนเห็นเป็นเรื่องปรกติเหมือนกับบางประเทศ
และคนญี่ปุ่นทราบดีว่าประเทศของตัวเองเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ว่าสึนามิ แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อการอยู่รอดของทุกคน ดังนั้นความคิดถึงส่วนรวม จึงมาก่อนความคิดถึงตัวเอง เพราะทัศนคติที่ว่า ส่วนรวมต้องมาก่อนส่วนตัวนั้น เป็นหลักสำคัญในการทำให้สังคมมนุษย์อยู่รอดได้
เห็นเช่นนี้แล้ว คนไทยที่ชะล่าใจกับรอยเลื่อนมีพลัง ทั้ง 9 แห่งในประเทศไทย ควรจะต้องเร่งปัดฝุ่น และกลับมาปัดฝุ่นหน้าที่พลเมือง ด้วย”หัวใจสาธารณะ”อย่างจริงจังกันเสียที เพราะแค่”จิตสาธารณะ”คงน้อยไปที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทย
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
สุทธิพงศ์ สภาพอัตถ์
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 1 เม.ย. 11, 14:20 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เหตุการที่ญี่ปุ่นซึ่งคุณโต๋ได้วิเคราะห์และเปรียบเทียบกับสังคมไทย ทำให้ผมนึกย้อนถึงอดีตของญี่ปุ่นที่เคยเผชิญกับภาวะวิกฤตจากสงคราม แต่ก็สามารถฟื้นฟูบ้านเมืองของตนได้ ในความคิดเห็นของผม เรืองของพื้นฐานจิตใจที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนญี่ปุ่นผ่านวิกฤตมาได้ ซึ่งผมคิดว่าคนไทย มีความเป็นปัจเจกสูง คือ ถ้าเปรียบกับนักดนตรี ก็คือ ถนัดเล่นโซโล แล้วถ้าทุกคนเล่นโซโลกันหมด ไม่มีแบ็คอัพคงไม่เป็นเพลง คนไทยขาดการมองภาพแบบองค์รวม คือ แบบต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ไม่มีใครอยากเป็นแบ็คอัพให้ใคร ไม่ได้มองว่าผลงานจะออกมาเป็นเพลงที่ไพเราะได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรผมก็ว่าคนไทยมีจิตใจที่เข้มแข็งเช่นกัน แต่การสร้างวัฒนธรรมเพื่อส่วนรวมยังมีไม่เพียงพอ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม