
สะเก็ดไฟ
เห็นภาพ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ท่าหน้าทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย ด้วยอากัปกริยาที่ไม่แตกต่างจากนักท่องเที่ยว บอกได้คำเดียวว่า
"ปวดใจ" ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในสภาพเปราะบางทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ และ การเมือง ผู้นำประเทศซึ่งมีหน้าที่กอบก็วิกฤติยังมีแก่ใจสอดไส้หมายเที่ยวในวาระ
งานเยือนประเทศอินเดีย โดยไม่รู้สึกละอายใจแต่อย่างใด
ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือ การที่ประเทศไทยมีนายกฯนกแก้วชื่อ
"ยิ่งลักษณ์" ได้ทำให้บ้านเมืองเสียโอกาสทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญไปเสียแล้ว
การประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2012 หรือ การประชุมเศรษฐกิจโลก ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 มกราคมนี้ ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ โดย
“ยิ่งลักษณ์” ได้ชื่อแค่ว่าได้ไปร่วมงาน แต่หาได้มีบทบาทใด ๆ ที่จะใช้เวทีนี้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ หลังจากที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตน้ำมาหมาด ๆ
กำหนดการของ ยิ่งลักษณ์ กลับมีเพียงแค่ การกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับบทบาทสตรีต่อการบริหารประเทศ
หัวข้อว่าแย่แล้ว วงสนทนายิ่งแล้วใหญ่ เพราะ สุนทรพจน์ ที่นายกฯนกแก้วจะไปอ่านนั้นเป็นการพูดคุยในวงเล็ก ๆ ซึ่งรัฐบาลไทยจัดเองเพื่อโปรโมทประเทศไทยในงาน Thailand night มิใช่ในเวทีผู้นำตามที่พยายามตีฆ้องร้องป่าวสร้างภาพให้
“ยิ่งลักษณ์” ดูอินเตอร์แต่อย่างใดไม่
แต่สิ่งที่น่าจะดีสำหรับประเทศไทยอย่างหนึ่งคือ
“นายกฯนกแก้ว” ตัดสินใจที่จะกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาไทย!
หลายคนคงถอนหายใจโล่งอก เพราะหากอ่านผิดอย่างน้อยต่างชาติก็ฟังไม่ออก และคนแปลเขาก็คงไว้หน้าไม่แปลผิดให้ผู้นำไทยไปเสียฟอร์มต่อหน้าต่างชาติ
ที่น่าแกะรอยคือ ในเวทีเดียวกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กลับได้รับเชิญให้เข้าร่วมนำเสนอแนวคิดเรื่อง “The Future of Urban Development Launch of a Cross Industry Initiative” ร่วมกับผู้นำ 4 เมือง จากกรุงลอนดอน กรุงมอสโคว นครเทียนจิน และเมืองชางชา สาธารณรัฐประชาชนจีน ขนาดผู้นำท้องถิ่นของไทยคือ ผู้ว่า กทม.ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมนำเสนอแนวคิดตามหัวข้อที่กล่าวข้างต้น แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้นำประเทศไทยซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม World Economic Forum on East Asia ในอีกสี่เดือนข้างหน้า คือ ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. - 1 มิ.ย. 55 ที่กรุงเทพมหานคร กลับไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ในเวทีนี้ มีเสียงกระซิบมาจากข้าราชการที่แอบส่ายหน้า แต่ไม่กล้าเปิดตัวบอกว่า ความจริงเขาให้เกียรติเชิญให้ “ยิ่งลักษณ์” ได้พูด แต่เวทีนี้หินเกินกว่าที่ “ยิ่งลักษณ์” จะก้มหน้าอ่านโพยได้ จึงไม่กล้าที่จะตอบรับ เพราะกลัวตายคาเวทีโลก เนื่องจากการแสดงวิสัยทัศน์ไม่ใช่สักแต่มีสคริปต์ก็ใช้ได้ แต่ต้องสามารถตอบคำถามสดได้ด้วย เวทีนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมรวมทั้งหมดกว่า 2,600 คน ประกอบด้วยผู้นำรัฐบาลกว่า 40 ประเทศ นักการธนาคารชั้นนำระดับโลกจำนวน 19 คน เจ้าหน้าที่รัฐบาล นักธุรกิจชั้นนำระดับโลก นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้นำสหภาพแรงงาน ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และนักวิชาการ คงพอเห็นเหตุผลแล้วว่า ทำไม
“ยิ่งลักษณ์” จึงขอบายภารกิจนี้ เพราะมันยากกว่าการ
แต่งตัวเฉิดฉายให้สื่อซื้อได้มาชื่นชมความงามด้านแฟชั่น ชนิดที่เรียกว่าฟ้ากับเหว
แต่อาจจะดีสำหรับประเทศไทยก็ได้ เพราะถ้าดึงดันอยากโชว์อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากกว่า http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000012015







