พระมหาวุฒิชัยตั้งโรงเรียนชาวนาบนสมมติฐานผิด
ดร.โสภณ พรโชคชัย
sopon@thaiappraisal.org www.facebook.com/dr.sopon
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) บอกว่า “ถ้าประเทศไทยไม่ มีชาวนาเศรษฐกิจของประเทศพังทันที” จึงร่วมกันตั้งมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ พร้อมทั้ง เปิด ร.ร.ชาวนา พุทธเศรษฐศาสตร์ สอนชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์ สมมติฐานข้อนี้ผิด
ในความเป็นจริง ผลผลิตจากภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนเพียง 11% ของ GDP ณ ปีล่าสุดคือ พ.ศ.2554 ในขณะที่ภาคการผลิตหลักคือภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วนสูงสุดคือ 30% และภาคการค้าส่งและค้าปลีก 15% เกษตรกรรมตกอยู่ในอันดับที่ 3 ยิ่งกว่านั้น หากอุตสาหกรรมรวมไปถึงเหมืองแร่ ไฟฟ้าประปา แก๊ส และการก่อสร้างด้วยแล้ว จะกินส่วนแบ่งใน GDP สูงถึง 38%
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ณ พ.ศ.2554
รายการ ล้านบาท สัดส่วน
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) 11,120,518 100%
เกษตรกรรม 1,271,524 11%
เกษตรกรรมเฉพาะปลูกข้าว 764,125 7%
อุตสาหกรรม 3,297,910 30%
การค้าส่ง-ปลีก 1,630,226 15%
ที่มา: www.nesdb.go.th/Portals/0/eco_datas/account/ni/cvm/2011/ตารางสถิติบัญชีประชาชาติ%20ปี%202554%20แบบปริมาณลูกโซ่.xls
นานมาแล้ว ภาคการเกษตรเคยเป็นเศรษฐกิจหลักเมื่อช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2494) ในขณะนั้น ภาคเกษตรกรรม เคยมีสัดส่วนใน GDP ถึง 38% ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมีสัดส่วนเพียง 13% เท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบันกลับตาลปัตร ยิ่งหากพิจารณาเฉพาะการทำนาปลูกข้าวตามที่พระมหาวุฒิชัย อ้างถึงด้วยแล้ว ณ พ.ศ.2554 มีสัดส่วนใน GDP เพียง 7% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามประชากรในภาคเกษตรกรรมมีเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 41% ของประชากรทั้งหมด ในขณะที่ประชากรในภาคบริการมีสูงถึง 40% และภาคการผลิตมีเพียง 19% เท่านั้น การนี้ชี้ให้เห็นว่าผลิตภาพในภาคการเกษตรต่ำมาก ส่วนมากอาจผลิตเพียงแค่พอใช้สอย ประชากรในต่างจังหวัดส่วนมากอพยพไปทำงานในภาคการผลิตอื่นในภาคอื่น เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกหรือในตัวจังหวัดหลักในภูมิภาค
'ความเพ้อฝัน' ที่จะให้คนชนบทกลับไปใช้ชีวิตแบบ 'คิขุอาโนเนะ' ทำนาอย่างพอเพียงจึงเป็นแค่ความฝันอันเหลือเชื่อและเป็นไปไม่ได้เลย เท่ากับส่งเสริมให้พากันไปตายในบ้านเกิดที่มีทรัพยากรจำกัด ในสมัยปัจจุบันนี้จะให้ชาวบ้านอยู่กันแบบจับกบ กับเขียด เก็บหอยตามท้องนา ยิงกระปอม (กิ้งก่า) สอยใข่มดแดงมากินกันคงไม่ได้แล้ว ประชากรก็เพิ่มขึ้นมากมาย
การที่ประชากรส่วนหนึ่งมาทำงานในเมืองหรือในภาคการผลิตอื่น ส่งเงินกลับบ้าน ทำให้ประชากรส่วนที่เหลือมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนที่จะได้รับ 'สารพิษ' จากการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการบริโภคนิยม การนิยมวัตถุ เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลที่ต้องรู้จักมีภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่พยายามใฝ่ฝันให้พวกเขากลับไปมีชีวิตแบบบุพกาลเช่นแต่ก่อน
ในอีกแง่หนึ่งบ้านในชนบทในก็เป็นเสมือนlสถานตากอากาศ (Resort)' สำหรับการไปพักผ่อน (Retreat) ของชาวชนบทที่มาทำงานในเมืองได้กลับไป 'ชาร์ตแบต' ในวันหยุดบ้าง อันที่จริงควรจำกัดการทำนา หรือทำให้การทำนาเป็นภาคเกษตร-อุตสาหกรรม เพื่อให้มีผลิตภาพมากขึ้น มากกว่าที่จะผลิตแบบตามมีตามเกิดและได้ผลผลิตต่ำเช่นที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้
แทนที่เราจะส่งเสริมให้คนมีนา เราน่าจะส่งเสริมให้เลิกทำนา โดยเฉพาะเอาที่นาหรือที่เกษตรกรรมในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม มาปลูกป่า และป้องกันการบุกรุกอย่างเฉียบขาด การแจกที่ดินให้คนไปทำนา จึงเป็นแนวคิดที่ผิด การซื้อที่ดินจากชาวนาโดยเฉพาะในพื้นที่บุกรุก เพื่อมาทำเป็นป่า ฟื้นฟูป่าควบคู่กับการปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าอย่างเฉียบขาด จึงเป็นหนทางแห่งความเจริญของไทยมากกว่าการส่งเสริมให้ทำการเกษตรกรรม
ส่วนคนที่อยากทำนาปลอดสารพิษนั้น ถือเป็นเพียง Market Niche หรือช่องทางการตลาดใหม่เฉพาะกลุ่ม คือกลุ่มปัญญาชนหรือผู้มีอันจะกินที่ห่วงสุขภาพ เราสามารถทำให้สินค้าของเรามีราคาสูงกว่าทั่วไป เพราะผู้ซื้อมีกำลังซื้อสูงกว่า คู่แข่งในตลาด Niche Market มีน้อยกว่า โดยธรรมชาติแล้ว Market Niche เป็นตลาดเล็ก ๆ ที่แม้มีจุดขายที่เหนือกว่า แต่ใช่จะสามารถแทนที่ตลาดทั่วไป (Conventional) ได้
นอกจากนี้การทำ Niche Market ยังเป็นการสร้างแบรนด์ ผู้ทำย่อมได้หน้าได้ตาจากการทำดีเหนือคนอื่น ทำให้ดูดีกว่าในสังคม นักบวช ปัญญาชน คนที่ได้ชื่อว่าคนดีในสังคม มักชมชอบการทำดีในลักษณะนี้ แต่จะถือเป็นวิถีทั่วไปคงไม่ได้ การใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันตรายก็จริง แต่ถ้าในโลกนี้สามารถกำจัดศัตรูพืชได้โดยไม่ใช้ยาได้ทั่วไปจริง ๆ ยาพวกนี้คงไม่แพร่หลายเช่นทุกวันนี้
ในตอนท้าย พระมหาวุฒิชัย ยังกล่าววา "ตราบใดที่คนเรายังต้องกินต้องอยู่ เราต้องสอนนิพพานแห่งอาชีพควบคู่กันไปด้วย เกษตรกร ชาวนาไทยถึงจะอยู่รอดได้" คำพูดนี้ฟังดูดี แต่แปลว่าอะไร ในกรณีนี้อาจตีความได้ว่าเป็นการ 'เล่นคำ' มากกว่าสาระที่แท้จริง เราต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยน ประชากรมากขึ้น ทรัพยากรมีจำกัด การจะให้ใครต่อใครกลับไปทำนา ทำไร่เช่นบรรพบุรุษ คงเป็นไปไม่ได้
การฝืนความจริงให้คนกลับไปทำนา เท่ากับพากันลงเหว จึงเป็นความฝันที่เหลือเชื่อ และเชื่อไม่ได้
อ้างอิง
ข่าว "ร.ร.ชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ วิถีนิพพานอาชีพเกษตร" ไทยรัฐ 27 กันยายน 2556 www.thairath.co.th/content/edu/372228
ทิศทางการทำงานของแรงงานไทย ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/citizen/news/news_lfsdirect.jsp
แรงงานเกษตรในประเทศไทย กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/reader-opinion/20130702/514538/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html