คิดเพื่อประเทศไทย
|
คุณดีสฯ มีข่าวชาวนามีวิธีการปลูกข่าวแบบใหม่ คือปลูกในบ่อปูน ซึ่งคิดว่าจะเป็นการไปทำลายภูเขากันเสียมากกว่าหากมีคนทำตาม ๆ กัน
สู้ผลิตบ่อยางพาราไปปลูกข้าวจะดีกว่าน๊ะเพื่อต่อยอดผลผลิตกันต่อเนื่องกันไป ดีกว่าไประเบิดภูเขามาทำลายธรรมชาติที่เขาสกัดกั้นภัยธรรมชาติในไทยกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
ช่องการท่องเที่ยว
|
คุณดีสฯ เรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยว ควรจัดหาวิธีการใหม่ ๆ โปรโมทในเรื่องสุขอนามัย โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางกำจัดภัยห่างไกลเชื้อดีโบลา ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติภาษาเขามั่นใจได้ว่ามาเที่ยวเมืองไทย จะได้ประโยชน์หลายประการในการที่จะสร้างเสริมสุขอนามัยในการรับประทานอาหารต้านอีโบลาอะไรอย่างนี้ หรือมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ปลอดสารพิษ ปลอดโจรผู้ร้าย อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีในไทยก็ควรจะช่วยกันส่งเสริมในการเสพข่าวสารในตอนเช้าหรือข่าวที่มีอยู่ทุกวันในไทย ที่จะมีช่องเสรีในการที่จะมีโฆษณาเรื่องการท่องเที่ยวที่จะเป็นช่องเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ข่าวสารเรื่องการท่องเที่ยวทั่วไทยที่จะทำเหมือนข่าว ทีเอ็นเอ็น ที่จะเวียนแจ้งข่าวสารเรื่องการท่องเที่ยวกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
สงสารเด็กชาวจีนมาก
|
คุณดีสฯ เห็นภาพข่าวเด็กชาวจีนถูกหมีกัดแขนขาดแต่ยังยืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือว่าตกใจร้องไห้ เราอยากจะวิ่งเข้าไปกอดและปลอบใจน๊ะแล้วนี่พ่อแม่ของเด็กไม่เห็นมากอดลูกแต่อย่างใด
เห็นคุณภาพของเด็กชาวจีนแล้วไม่เหมือนเด็กไทยที่ได้รับการทนุถนอมมากกว่าน๊ะที่เราพบในภาพข่าวทุกวันนี้ได้ หรือว่าเด็กชาวจีนมีจำนวนมากเสียจนดูแลไม่หวาดไม่ไหว คือเท่าที่เห็นพ่อแม่เขาเลี้ยงแบบไม่ค่อยทนุถนอมสักเท่าไหร่ บางทีเด็กได้รับอันตรายก็ยังคนเดินผ่านไปมาเหมือนไม่สนใจ เราเห็นแล้วสะท้อนใจน๊ะ คิดว่ามีความแตกต่างกับคนไทยที่มีจิตใจเมตตากรุณากว่า เห็นคน สัตว์ สิ่งของที่เป็นของมีค่าถูกทำลายเรามักจะทนเห็นกันไม่ได้
นี่คือความแตกต่างของประเทศไทยกับประเทศอื่นใด คือเราทนเห็นเด็กหรือสัตว์ถูกทำร้ายไม่ได้ แต่แปลกน๊ะกับคนไทยด้วยกันในวันไล่เลี่ยกันกลับไม่ยอมกันกระนั้นได้ ไล่ตีกัน ไล่ยิงกัน มันเป็นความแปลกในไทย
คือเราคนไทยจะสงสารคนที่ถูกทำร้ายหรือเสียเปรียบเสียมากกว่า และนี่แหละคือปัญหาในไทย แต่เราก็ยังเชื่อมั่นในความ เมตตาปรานี ที่อยากจะบอกว่าประเทศไทยมีมากที่สุดในโลกนี่แหละจะบอกให้ และคิดว่าหากบางทีไม่มีประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวที่จะให้ที่พักพึ่งพาทุกชาติภาษากระนั้นได้ ก็คงจะไม่มีที่ว่างบนโลกใบนี้แล้วแหละที่จะค้นพบความสุขที่แท้จริงกระนั้นได้ คงจะมีที่นี่ที่เดียวคือ ประเทศไทย 
|
|
|
|
![]() |
|
|
รัสเซียชี้ “เรือปริศนา” ที่ทัพสวีเดนระดมค้นหาอาจเป็นของ “เนเธอร์แลนด์”
แหล่งข่าวในกลาโหมรัสเซียชี้ “เรือปริศนา” ที่ทัพสวีเดนระดมค้นหาอาจเป็นของ “เนเธอร์แลนด์” ทหารสวีเดนประจำการ บนเรือเร็วโจมตีของกองทัพเรือสวีเดน ในบริเวณชายฝั่งกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อวันเสาร์ (18 ต.ค.) ภายหลังกองทัพสวีเดนเรียกระดมพลครั้งใหญ่เพื่อดำเนินปฏิบัติการ "รวบรวมข่าวกรอง" เอเอฟพี - แหล่งข่าวรายหนึ่งในกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า “เรือต่างชาติ” ที่ปรากฏอย่างปริศนานอกชายฝั่งกรุงสตอกโฮล์ม และกองทัพสวีเดนกำลังระดมกำลังออกค้นหานั้นอาจเป็นเรือของเนเธอร์แลนด์
แหล่งข่าวในกลาโหมรัสเซียชี้ “เรือปริศนา” ที่ทัพสวีเดนระดมค้นหาอาจเป็นของ “เนเธอร์แลนด์” ภาพถ่ายที่กองทัพสวีเดนนำออกเผยแพร่ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีการพบ “เรือต่างชาติ” ลึกลับนอกชายฝั่งกรุงสตอกโฮล์มจริง แหล่งข่าวของกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวของแดนหมีขาวว่า “เราขอแนะนำให้ (สวีเดน) หันไปขอคำอธิบายจากกองบัญชาการกองทัพเรือของเนเธอร์แลนด์ เพื่อลดสถานการณ์ตึงเครียดในน่านน้ำทะเลบอลติก และเพื่อประหยัดเงินภาษีของราษฎรสวีเดน”
แหล่งข่าวรายนี้ชี้ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรือดำน้ำพลังงานดีเซล Bruinvis ของเนเธอร์แลนด์กำลังดำเนินภารกิจใกล้กรุงสตอกโฮล์ม
แหล่งข่าวระบุว่า เมื่อวันศุกร์ (17) เรือลำดังกล่าวอยู่ในกรุงทาลลินน์ ของเอสโตเนีย และคาดว่าจะมุ่งหน้ากลับเนเธอร์แลนด์ในวันนี้ (20)
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อสวีเดนรายงานว่า อาจมีเรือดำน้ำของรัสเซียประสบปัญหาแถวๆ หมู่เกาะ นอกชายฝั่งกรุงสตอกโฮล์ม แต่วานนี้ (20) กองทัพสวีเดนแถลงว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นของประเทศใด
พล.ร.ต.อันเดอร์ส เกรนสตัด จากกองทัพเรือสวีเดนปฏิเสธการตั้งข้อสังเกตของสื่อที่ว่า กองทัพสวีเดนกำลัง “ตามล่าเรือดำน้ำ” และเน้นย้ำว่า การเรียกระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น (โดยไม่นับรวมการซ้อมรบ) คราวนี้เป็นปฏิบัติการข่าวกรอง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพสวีเดนได้รับคำเตือนว่า มีการตรวจพบ “วัตถุที่มนุษย์ทำขึ้น” นอกชายฝั่งกรุงสตอกโฮล์มเมื่อวันศุกร์ (17) ก็มีการส่งกำลังพล 200 นาย เรือล่องหน เรือกวาดทุ่นระเบิด และเฮลิคอปเตอร์ออกค้นหาในทะเลรอบหมู่เกาะ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของสวีเดนไปทางตะวันออกราว 50 กิโลเมตร
เกรนสตัดกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่การตามล่าเรือดำน้ำ ที่มีการจับอาวุธสู้กับข้าศึก แต่เป็นการรวบรวมข่าวกรองเพื่อพิสูจน์ว่า มีการดำเนินกิจกรรมใต้น้ำโดยต่างชาติ” พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า พื้นที่ทางตะวันออกของเมืองหลวงของสวีเดนมีลักษณะ “น่าสนใจสำหรับมหาอำนาจต่างชาติ” แหล่งข่าวในกลาโหมรัสเซียชี้ “เรือปริศนา” ที่ทัพสวีเดนระดมค้นหาอาจเป็นของ “เนเธอร์แลนด์”
แหล่งข่าวในกลาโหมรัสเซียชี้ “เรือปริศนา” ที่ทัพสวีเดนระดมค้นหาอาจเป็นของ “เนเธอร์แลนด์” ที่มา: http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000120793
|
|
|
|
![]() |
|
|
ไอเดียเจ๋ง! ปลูกข้าวบ่อปูน ต้นทุนต่ำ ได้คุณภาพสูง ไอเดียเจ๋ง! ปลูกข้าวบ่อปูน ต้นทุนต่ำ ได้คุณภาพสูง
เกษตรกรใน อ.จะนะ จ.สงขลา ทำนารูปแบบใหม่ ปลูกข้าวในบ่อปูนซิเมนต์และล้อรถยนต์ ต้นทุนต่ำ ได้ข้าวที่มีคุณภาพปลอดสารพิษ
นายคำนึง นวลมณีย์ อายุ 50 ปี เกษตรกรในพื้นที่หมู่ 10 ต.จะโหนง อ.จะนะ จ.สงขลา และยังเป็นหัวศูนย์การเรียนรู้นวัตกรรมใหม่เพื่อเศรษฐกิจพอเพียง ใช้วิธีการทำนาแนวใหม่ที่แตกต่างจากการทำนาทั่ว ๆ ไป โดยการทำนาชีวภาพในบ่อปูนซิเมนต์และล้อรถยนต์ แทนการปลูกในแปลงนา ได้ข้าวที่มีคุณภาพ แต่ต้นทุนต่ำปลอดสารพิษ สามารถทำนาได้ถึงสี่รอบในแต่ละปี ที่สำคัญเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็ลงมือดำนารอบใหม่ได้ทันที หรือที่เรียกว่าเกี่ยวเช้าดำเย็น
สำหรับวิธีการทำนาที่ว่านี้ มีสามแบบด้วยกัน คือแบบแรกปลูกในบ่อซีเมนต์โดยนำอิฐบล็อกมาก่อเป็นแปลงนาความกว้าง 4 เมตร ยาว 22 เมตร สูง 40 เซนติเมตรลาดพื้นด้วยซิเมนต์หรือตามความเหมาะสมของขนาดพื้นที่ แบบที่สองปลูกในท่อซีเมนต์ โดยนำท่อมาลาดพื้นด้วยซีเมนต์ และแบบที่สามปลูกในล้อรถยนต์ โดยนำล้อรถยนต์ทั้งเส้นมาลาดพื้นด้วยซิเมนต์ เสร็จแล้วก็ใส่น้ำลงไปและปลูกข้าวได้ทันทีไม่ต้องใส่ดิน
ส่วนการดำนาทั้งสามแบบจะเหมือนกัน คือใช้วิธีปักต้นกล้าลงในถุงพลาสติกขนาด 6 คูณ 8 เซนติเมตร ซึ่งใส่ดินเอาไว้และแช่ลงไปในน้ำให้พอมิดถุง ระยะห่างของต้นกล้าเหมือนกับการดำนาทั่ว ๆ ไป เป็นอันเสร็จ ส่วนระยะเวลาในการปลูกก็เหมือนกับการทำนาปกติใช้เวลาประมาณ 120 วัน หรือสามเดือนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้
|
|
|
|
![]() |
|
จริงไหม
|
สวัสดีค่ะคุณดีสฯ ปัจจุบันผู้สื่อข่าวเขาหันมาเล่นข่าวสังคมไทยกับสังคมจีน ผสมปนเปกัน แต่สังคมญี่ปุ่น อเมริกา กลับไม่มีข่าวมาให้อ่านกันเลยนั่นคิดบ้างไหม คือเล่นข่าว ไทยกับจีน เพียงเท่านั้น ญี่ปุ่นกับพี่กันหรือชาติยุโรปนั่นกลับไม่มีแต่ประการใด อ้อ! แล้วก็ข่าวเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ คือปิดสนิทชนิดที่ต้องค้นหาข่าวเองกระนั้น หรือว่ารู้เราไม่รู้เขาอะไรปานนั้นนั่นแหละจะบอกให้ แต่พอออกข่าวมาแต่ละเรื่องแต่ละครั้งก็แทบจะหงายหลังพังพาบไปกระนั้นได้ คือร้ายแรงกว่าไทยอีกแหละนั่น สังคมไทยฟอนเฟะนั่นเป็นเพราะใคร ที่มาโหมกระหน่ำอยู่ในเวลานี้แข่งขันอวดร่ำอวดรวยนี่เป็นเพราะชาติใด เรื่องรถ เรื่อง มือถือ และเมื่องใต้สะดืออีกมากมาย ทั้งที่บ้านเมืองที่มาขยับขยายตัณหาให้กับไทยนั่นฟอนเฟะกว่าด้วยซ้ำแต่ปิดข่าวเอาไว้ อย่างนี้ไม่แฟร์น๊ะจะบอกให้ เพราะว่าเล่นตีข่าวอยู่ฝ่ายเดียวกระนั้น แต่สำนักข่าวตัวเองนั่นปิดสนิทอย่างมิดชิดไม่ยุติธรรมรู้บ้างไหม
หากจะแฟร์ๆ หรือเสมอภาคเท่าเทียมกัน มันก็ต้องเสนอข่าวแบบเท่าเทียมกันมันถึงจะยุติธรรมในเมืองไทย เข้าใจ๋! 
|
|
|
|
![]() |
|
เมื่อไหร่จะสำนึก!
|
คุณดีสฯ ถึงปัจจุบันเราก็ยังไม่เข้าใจคือเอาค่าเงินบาทของประเทศไทยไปอิงกับดอลลาร์ซึ่งเทียบกับการดำรงชีวิตระหว่างไทยกับยุโรปนั้นผิดกันไกล วิถึชีวิตของพวกยุโรปนั่นก็หรูหราอลังการ์ขนาดไหน แต่พี่ไทยยังมาถ้วยชามตาไก่ ถ้วยแก้วพลาสติก ราคา ๒๐ บาทก็พอจะใช้กันได้ แต่หากข้าวของแพง ๆ นี่ซื้อมาไม่ใช้กันหรอกน๊ะเอาเก็บกันเอาไว้ เช่น พวกทัพเพอร์แวร์อะไรพวกนี้เก็บจนเหลืองก็ยังไม่เอาออกมาใช้เพราะราคาแพงแต่ก็อยากจะซื้อเอาไว้ แต่ใช้จริง ๆ นั่นราคาแค่ ๒๐ บาททั้งนั้นที่เอามาใช้ ก็คิดดูแล้วกันว่าวิถีชีวิตคนไทยกับฝรั่งนั้นเทียบชั้นกันไม่ได้ หากจะยึดเอาแค่ระดับคนร่ำรวยในไทยก็คงจะมีจำนวนไม่มากมายนักก็เป็นเพียงคนจำพวกหนึ่งเท่านั้น แต่คนจน คนระดับกลางที่ไทยนั่น มากมายก่ายกองจนก่ายหน้าผากมองถึงความทุกข์ยากกันกระนั้น
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่คิดลดระดับดีกรีศักยภาพของตัวเองคือประเทศไทยลงมาเทียบเท่ากับสินค้าที่ผลิตกันเข้ามาขายอย่างราคาถูกกว่า ขนาดร่ำรวยก็ยังมาเดินหาของถูกจากประเทศจีนนำไปใช้ แล้วนี่มันหมายความว่าอย่างไรเอาค่าเงินไปแขวนไว้กับคนร่ำรวยที่ผิดปกติในเวลานี้ที่ไม่รู้จักพอเพียงหรือเพียงพอในระดับดีกรีตัณหาที่ยังลดค่าทางสติปัญญาลงมาไม่ได้ที่จะคิดค้นหาทางช่วยเหลือมนุษยชาติ แต่บังอาจยังอวดโชว์ความร่ำรวยโก้ไปถึงดาวอังคารอีกนั้นได้ แล้วถามว่าพี่ไทยยังไม่สำนึกหรือตระหนักอีกหรือว่าตัวเองนั้นหนามันควรลดคุณค่าตัวเองอยู่ในระดับไหนที่จะสามารถยืนอยู่ได้บนลำแข้งของตนเองโดยไม่ไปโหนกระแสจนตัวเองแอ่นแปร้เป็นคนเมาตัณหาเดินยักแย่ยักยันหาจุดยืนตัวเองยังไม่ได้กระนั้นจนถึงปัจจุบันนี้กันได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
เบื่อว่ะ!
|
คิดแบบพื้นๆ ไม่ต้องคิดไปไกล คือเป็นเหยื่อของพญานกอินทรีย์อยู่ร่ำไป แต่บังเอิญว่าประเทศไทยมันเป็นจำนวน เต่า ไง ถึงคาบไปก็กินไม่สะดวกประการนั้นคือติดที่กระดองนั่นที่จะติดคอตาย ก็น่าจะภาคภูมิใจในการที่เป็น เต่ากระดองหนาที่พญานกอินทรีย์มันไม่อยากจะกินนั่นก็จะกระทำตนกันอย่างไรกันที่จะอยู่รอดได้ แต่ก็ยังตกเป็นเหยื่อของอ้ายยอดมนุษย์ครึ่งวันนั้นอีกจนได้ คือมันแค่ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวัน อ้ายพวกเต่าเหล่านี้นั้นก็หัวหดตดหายไปแล้วนั้นได้ ไม่สามารถจะสู้รบปรบมือกระไรได้ ก็นี่แหละหนาพวกเต่าถุยทั้งหลายที่ว่าไม่คิดปรารถนาภาคภูมิใจในตนเองไม่ อยากจะเป็นกระต่ายหรือไม่ก็มานั่งแข่งขันกันเองในระดับเต่าด้วยกันโดยมีอ้ายยอดมนุษย์มาหนุนหลังอีกทีหนึ่งกระนั้นได้ แล้วเมื่อไหร่อ้ายยอดมนุษย์พวกนี้จะหันเหจากประเทศไทยไปเสียทีนี่ถามหน่อยได้ไหม มันอะไรกันนักหนากับประเทศไทย ถามพม่ากับจีน ดีกว่าว่าจะจัดการกับอ้ายยอดมนุษย์ครึ่งวันนี้ประการใดที่มาเป็นอีแอบอยู่ข้างหลังเต่าหรือมันก็หวังอยากจะได้กระดองเต่าเอาไว้คุ้มกันภัยให้กับตัวเองในอีกครึ่งวันที่เหลืออีกกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
|
สวัสดีคุณจูมีข่าวตัวอักษรจีนมาลงครับ....
นักโบราณคดีจีน ค้นพบอักษรบนกระดองเต่าชุดใหม่ 34 ตัว
นักโบราณคดีจีน ค้นพบอักษรบนกระดองเต่าชุดใหม่ 34 ตัว ซินหัว – ทีมวิจัยนักโบราณคดีจีนในมณฑลเหลียวหนิงถอดรหัส “อักษรบนกระดองเต่า” ได้เพิ่มอีก 34 ตัว จากการศึกษาโบราณวัตถุที่มีอายุหลายพันปีกว่า 1,800 ชิ้นที่ถูกรักษาไว้ ชี้เป็นการค้นพบสำคัญ
วานนี้ (19 ต.ค.) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักโบราณคดีจีนค้นพบตัวอักษรและอักขระใหม่จำนวน 34 ตัวบนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองหลี่ ว์ซุ่น มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
ซ่ง เจินห่าว นักวิจัยแห่งบัณฑิตยสถานด้านสังคมศาสตร์ของจีน หัวหน้าทีมวิจัยซึ่งทำการศึกษาจารึกบนกระดองเต่าตั้งแต่ปี 2554 (ค.ศ.2011) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ต.ค.) ว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นการการค้นพบครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งหลังจากจารึกบน กระดองเต่าถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ 110 กว่าปีก่อน โดยอักษรและอักขระจารบนกระดองเต่า หรือ เจี่ยกู่เหวิน (甲骨文) รวมไปถึงกระดูกสัตว์ถือเป็นต้นกำเนิดของอักษรภาษาจีนในปัจจุบัน ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซาง หรือในช่วง 1,700 ปีก่อนคริสต์ศักราช – 1,100 ปีก่อนคริสต์ศักราช
สำหรับตัวอักษรและอักขระที่ค้นพบล่าสุด มีชื่อประเทศ สถานที่ บุคคล รวมไปถึงพิธีต่างๆ ด้วย โดยนักวิจัยค้นพบจากการศึกษากระดองเต่าและกระดูกกว่า 1,800 ชิ้นที่ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณพ์หลี่ว์ซุ่น โดย หัวหน้าทีมวิจัยระบุว่า ทีมของเขาถ่ายภาพอักษรบนกระดูกทั้งหมด และนำมาแกะเพื่อวิเคราะห์หาตัวอักษรและอักขระใหม่ๆ
ซ่งระบุด้วยว่า ถึงปัจจุบัน นักโบราณคดีทั่วโลกสามารถจำแนกแยกแยะตัวอักษรบนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ได้ ราว4,000 ตัว จากหลักฐานชิ้นส่วนกระดองเต่าและกระดูสัตว์ 130,000 ชิ้น ทว่ายังมีตัวอักษรและอักขระอีกครึ่งหนึ่งที่พวกเรายังไม่สามารถแปลความ หมายออกมาได้
อักษรจีนถือเป็นระบบอักษรเขียนที่มนุษยชาติใช้ต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลก ทั้งนี้อักษรจารบนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกโดยปัญญาชน และนักสะสมโบราณวัตถุนาม หวัง อี้หรง โดยเขาได้กระดองเต่าและกระดูกสัตว์ที่ถูกขุดขึ้นมาโดยชาวนาในเมืองอันหยาง มณฑลเหอหนานก่อนที่จะค้นพบหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ที่มา: http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000120828
โพสจัง
|
|
|
|
![]() |
|
พูดจนหูจะฉีกตาย!
|
บางทีตำราที่ไปเล่าเรียนมากับพญานกอินทรีย์นั้นน่ะมันก็มาปรับใช้กับประเทศไทยนั้นคงไม่ได้ เป็นเต่าก็ดีอยุ่แล้วกลับจะดิ้นรนเป็นพวกนกอินทรีย์พันธุ์ที่มีแต่ขน(ทรัพยากรของชาติอื่น ๆ)นั้นคือไปดิ้นรนอะไรกันนักหนาไม่คิดภาคภูมิใจในชาติตนเองว่ามันดีกว่าชนชาติใด ๆ ในโลกนี้แต่ก็อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเต็มที่เต็มสตีมนั้นให้จงได้ แล้วถามว่าหากมันประสบผลสำเร็จเป็นดั่งพญานกอินทรีย์ทุกวันนี้ที่จะกินแต่ขอสระอีของตนเองในอนาคตอันใกล้ เพราะว่าเหยื่อเขารู้ทันหมดแล้วแม้กระทั้งพม่าที่เป็นเหยื่อชิ้นสุดท้ายแล้วจะให้คิดกันอย่างไรอีกในอนาคตข้างหน้า ยังจะไขว่คว้าหาความเจริญไปถึงไหน ทั้งที่พญานกอินทรีย์นั่นมันก็จะบินไปยังโลกอื่นอีกกระนั้นได้ หรือว่าอยากจะบินตามมันไปอีกกระนั้น ขนาดมันจะบินตกหน้าผาตายนั่นก็ยังไม่สำนึกกันนั้นได้ พวกนี้ทำตัวเสมือน จมไม่ลง กระนั้นคิดอะไรอยู่กันนั่นถามหน่อยได้ไหม หรือว่าต้องให้วิญญาณอ้ายขวัญอีเรียมมาแสดงตัวตกในกำพืดของตนคือคนไทยให้เห็นจนชั่วลูกหลานกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
|
ให้ข้อคิด!
|
คือทำตัวคิดแทนให้เขาทั้งหมดกับนำลงทุนที่มาค้าขายที่ในไทย ก็ให้เขาใช้สมองของตัวเองกันบ้างสิว่าจะช่วยเหลือตัวเองกันอย่างไร นี่มันก็จะมาทับถมทวีให้แต่พี่ไทยคิดอยู่เท่านั้น ตัวเองนั่งนอนกระดิกขาตนเองไปวัน ๆ กระนั้นได้ ก็ให้ระดมสมองของนักลงทุนเหล่านั้นให้มาดูสินั่นไปคิดแทนให้มันมากมายกันกระไร หันมาดูแลประเทศและประชาชนของตัวเองบ้างว่าจะอยู่อย่างมีอันจะกินนั้นจะให้ทำอย่างไร อย่าให้ถึงขนาดเอาระเบิดผูกตัวเองไประเบิดในธนาคารกันเลยนั่น นี่เป็นเพียงหนังตัวอย่างน๊ะที่เผาตัวเองในสถานที่ราชการกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
แก้ไข!
|
มองเห็นภาพประเทศไทยในเวลานี้ก็เสมือน " เต่าตะกายตึก " เคยเห็นภาพนี้ไหม แล้วถามว่ามันจะประสบความสำเร็จไหม หากไม่ดูกำพืดของตัวเองว่าเป็นอะไร กระดองที่มีไว้นั้นน่ะมันดีที่สุดในโลกแล้วน๊ะจะบอกเอาไว้ให้ แล้วจะดิ้นรนเป็น เต่าถุย กันขนาดไหน ก็คิดให้ลงตัวแล้วกันว่าจะดิ้นรนจากเต่าถุยนั้นเป็น หมีแพนด้า หรือเป็น พญานกอินทรีย์ นั้นน่ะที่จะเข้ากับลักษณะของตนเองกระนั้นได้
|
|
|
|
![]() |
|
|
“พลูโต” ไม่น่าได้ตำแหน่ง “ดาวเคราะห์” คืน ปลดไปแล้ว! “พลูโต” ไม่น่าได้ตำแหน่ง “ดาวเคราะห์” คืน ภาพพลูโตเท่าที่บันทึกได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (NASA/ESA/Marc W. Buie) จุดกระแสให้เป็นที่ถกเถียงอีกครั้ง หนึ่งสำหรับสถานะของ “พลูโต” ว่าควรจะกลับมาเป็น “ดาวเคราะห์” อีกไหมหรือเป็น “ดาวเคราะห์แคระ” อย่างที่เคยถูกลดขั้นต่อไป หลังนักดาราศาสตร์ในสรัฐฯ ร่วมอภิปรายและเปิดโหวตจนได้มติว่าพลูโตควรกลับมาเป็นสมาชิกดาวนพเคราะห์
เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนมีการประชุมของนักดาราศาสตร์ที่ศูนย์ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ฮาร์วาร์ ดสมิทโซเนียน (Harvard-Smithsonian Center for Astrophysics) พร้อมกันการอภิปรายของนักดาราศาสตร์ 3 คน ว่า “พลูโต” ควรกลับมาเป็น “ดาวเคราะห์” อีกครั้งหรือไม่ หรือยังคงเป้น “ดาวเคราะห์แคระ” เหมือนเดิม หลังจากถูกลดสถานะไปเมื่อปี 2006
คลิปการอภิปรายนิยามดาวเคราะห์
2 ใน 3 ของนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมอภิปรายเห็นควรว่าพลูโตควรได้ยกระดับเป็นดาว เคราะห์อีกครั้ง จากนั้นได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปลงคะแนนเสียง และได้มติเอกฉันท์ว่าอดีตดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลที่สุดในระบบสุริยะควร กลับเข้ามาอยู่ในสถานะเดิม แต่การคืนตำแหน่งจะทำได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือไม่ ทีมข่าววิทยาศาสตร์ได้สอบถามไปยัง รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ซึ่งเคยออกเสียงให้ลดสถานะพลูโตระหว่างการประชุมชองสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (International Astronomical Union) หรือไอเอยู (IAU ) เมื่อ 8 ปีก่อน
“พลูโตกลับมาไม่ได้หรอก ไปโหวตกันตอนไหนเนี่ย ?” รศ.บุญรักษากล่าว พร้อมอธิบายว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าทางอวกาศล้ำหน้าไปมาก มีเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ทำให้การสังเกตทางดาราศาสตร์ทำได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ที่ทำให้รู้ว่าในอวกาศ โดยเฉพาะในระบบสุริยะของเรามีวัตถุคล้ายดาวพลูโตจำนวนมาก เช่น ดาวเคราะห์น้อยอีรีส
“ถ้าหากบรรจุดาวพลูโตให้เป็น ดาวเคราะห์แบบเดิม ก็แปลว่าจะต้องนำดาวที่คล้ายๆพลูโต ดาวเคราะห์น้อยต่างๆ ซึ่งมีอยู่นับไม่ถ้วนเข้ามาด้วยถึงจะเท่าเทียมกัน ถูกต้องไหม?” ผู้อำนวยการ สดร.ตั้งคำถาม
รศ.บุญรักษา ระบุว่า จะเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลได้ ต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อตามนิยามของไอเอยู ได้แก่1.มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 2.มีรูปร่างค่อนข้างกลม และ 3.วงโคจรเป็นอิสระ อาจมีดาวบริวาร แต่ต้องเป็นดาวบริวารที่ชัดเจน โดยดาวเคราะห์ต้องมีอิทธิพลเหนือกว่าดาวบริวาร
นิยามทั้ง 3 ข้อเป็นเหตุผลที่ทำให้ดาวพลูโตถูกเปลี่ยนสถานะกลายเป็น “ดาวเคราะห์แคระ” เพราะดาวพลูโตมีดวงจันทร์ขนาดใหญ่ ชื่อ “ชารอน” (Sharon) คล้ายดาวบริวาร เหมือนโลกกับดวงจันทร์ของโลกและดวงจันทร์ขนาดเล็กอีก 3 ดวงคือ นิกซ์ (Nix), ไฮดรา (Hydra), เคอร์เบอรอส (Kerberos) และ สติกซ์ (Styx) ซึ่งความจริง รศ.บุญรักษาอธิบายว่า ดาวพลูโตและดวงจันทร์ชารอน ทั้งสองดวงนั้นมีการโคจรควบคู่ซึ่งกันและกัน มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน จนดูเหมือนเป็นดาวเคราะห์คู่มากกว่าที่จะเป็นดาวเคราะห์กับดาวบริวาร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดาวพลูโตถูกไอเอยูแยกประเภทว่า พลูโตไม่ใช่ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอีกต่อไป
“ไม่ใช่เรื่องแปลก ทำอะไรก็มีคนค้านได้ทั้งนั้น เพราะเมื่อ 8 ปีก่อนที่มีการอนุมัติให้ดาวพลูโตไม่อยู่ในระบบ ก็เป็นมติของนักดาราศาสตร์ที่เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่ง ในวันนี้ที่มีคนมาขอโหวตคืนก็อาจจะเป็นนักดาราศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งที่อาจไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนั้นเมื่อ 8 ปีก่อน ขึ้นอยู่กับสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลเป็นหลักว่าจะตัดสินเป็นอย่างไร แต่ถ้าใช้เกณฑ์เดิม นิยามแบบเดิมผมฝันธงว่ายังไงพลูโตก็ไม่ได้กลับมา แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันหากมีการเล่นตลกเปลี่ยนคำนิยาม พลูโตอาจจะกลับมาก็ได้” รศ.บุญรักษากล่าวถึงโอกาสที่พลูโตจะได้กลับมาเป็นดาวเคราะห์อีกครั้ง ปลดไปแล้ว! “พลูโต” ไม่น่าได้ตำแหน่ง “ดาวเคราะห์” คืน รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ที่มา: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9570000114894
|
|
|
|
![]() |
|
คิด คิด คิด
|
ถึงอย่างไรทั้งไดโนเสาร์และเต่า ก็ยังเป็นซากดึกดำบรรพ์เป็นอย่างดีที่ก็ยังจะเป็นสิ่งที่สืบค้นประวัติศาสตร์ของโลกนี้ได้ ยังนึกไม่ออกเลยว่าหากว่าโลกสูญสลายกลายเป็นดาวอังคารที่สามารถค้นพบใหม่ จะค้นพบพวกโลหะที่ผลิตเป็นคอมพิวเตอร์นี้กันได้ไหม เพราะพวกนี้เป็นพวกวัตถุสูญสลาย คงไม่เหมือนกระดูกไดโนเสาร์หรือว่ากระดองเต่า ที่ก็จะอยู่กับโลกใบนี้หลายร้อยพันปีที่ก็หากมีการขุดค้นประวัติศาสตร์กันขึ้นมาใหม่ ก็จะรับรู้ถึงความเป็นไปของโลกใบนี้กันได้ดี ซึ่งก็คงจะอนุมานได้ที่กระดูกไดโนเสาร์หรือว่ากระดองเต่่าอีกนั้นหนาที่ก็จะอยู่คู่กับโลกาไม่ใช่พวกคอมพิวเตอร์อะไรนั่นหรอกน๊ะที่ก็จะสืบค้นต่อไปในโลกหน้าไม่ได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
คิด คิด คิด
|
คุณดีสฯ ข่าวเรื่องดาวพลูโตที่คุณดีสฯ ส่งมาให้อ่านนั้นมิได้ให้ความสำคัญกับโลกใบนี้กระนั้นได้ หากคนที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของดวงดาวในอนาคตข้างหน้าเป็นประเทศที่่จะมาหาความจีรังยั่งยืนมั่นคงไม่ได้ ก็ไม่น่าอภิรมย์ที่จะยึดถือมาเป็นข้อคิดแต่ประการใด
เพราะชาติที่ถือกำเนิดมาและต้องการรักษามรดกของชาติตนเองเอาไว้ จิตใจจะไม่คิดรุกราน คุกคาม หรือประหัตประหารชนชาติใด จะอยู่อย่างสงบและค้นพบแต่สิ่งที่ดีๆ มาเยียวยารักษาโรคที่เป็นภัยของโลกใบนี้กระนั้น แต่มิใช่เอาสมบัติชาติโน้นนี้นั้นมาเป็น สมบัติโลก กระนั้นได้ โดยที่ตนเองก็มิได้กระทำตนที่จะเป็นผู้รักษาสมบัติของชนชาติใดที่จะคิดปกป้องมีแต่ทำลายก็ให้ข้อคิดแล้วกัน ว่าชาติที่คิดจะรักษาสมบัติชาติตนเองได้นั้นจะต้องมีจิตใจรักสงบ และค้นหากและค้นพบสิ่งที่รักษาโลกใบนี้และมนุษยชาติของโลกใบนี้ให้ปลอดภัย ดังนั้น หากมีความคิดใหม่ ๆ ขึ้นมาประกอบให้โลกใบนี้หวือหวากระนั้นไซร้ ถือว่าเป็น มโนกรรม เสียมากกว่าเพราะว่า มโนธรรม ไม่มีในจิตใจ ก็ไม่ม่ประโยชน์อันใดที่จะยึดถือให้จีรังยั่งยืนอยู่คู่กับโลกใบนี้กระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
คิด น๊ะ คิด
|
คุณดีสฯ คุณเชื่อไหมปัจจุบันเราจะหาสื่อที่จะนำเสนอข้อเท็จจริงอันใดมิได้และก็จะเป็นเรื่องเป็นราวในอนาคตข้างหน้าหากว่าสื่อแต่ละชาติภาษายังไม่มองหาจุดยืนที่แท้จริงบนโลกใบนี้กระนั้นได้ ว่าควรจะนำเสนอข่าวที่เป็นจริงในการเสริมสร้างหรือสร้างสรรค์ให้บังเกิดความสุขบนโลกใบนี้ร่วมกันประการใด เราก็จะมองหาแต่สื่อที่จะนำพาความเจริญมาให้กับโลกใบนี้อย่างแท้จริงกระนั้นได้
แต่สื่อปัจจุบันมักจะนำเสนอข่าวแบบไม่สร้างสรรค์แต่ประการใด คือประเภทไฟในนำออก ไฟนอกนำเข้า และก็เอามาผูกโยงกันเป็นเรื่องที่มาต่อตี ต่อสู้กันทั้งในประเทศและนอกประเทศนั้นไม่บังเกิดความสงบสุขแต่อย่างใด
เราต้องคิดค้นหา สื่อที่ดี กันแล้วแหละว่าควรจะเป็นสื่ออะไร ชื่ออะไร ในประเทศคือใคร และต่างประเทศคือใคร ที่จะประกาศให้โลกนี้รับรู้ไปเลยว่าจะต้อง อ่านข่าวแต่สื่อนี้เท่านั้นน่ะถึงจะนำพาความสงบสุขมาให้
ในเวทีประชาคมโลกยุโรปหรือว่าอาเซียน ก็ไม่เคยนำเสนอในเรื่องดังกล่าวนี้แต่ประการใด ที่จะหาจุดยืนร่วมกันในอันที่จะสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้สงบลงไปได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
คิดให้ไกล ๆ
|
|
|
|
|
![]() |
|
|
ระลึกชาติในแบบเรียน : ตอนที่1เชื่อมั้ย? ฝรั่งแต่งแบบเรียนไทย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ได้จัดนิทรรศการระลึกชาติในแบบเรียน โดยได้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบบเรียนไทยแต่ละยุคแต่ละสมัย แบ่งเป็น 6 ยุค ตามบริบทของสังคมและการเมืองไทย ทีมข่าว MThai News ได้มีโอกาสเยี่ยมชมนิทรรศการนี้และมองว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจ จึงขอหยิบนิทรรศการมาเขียนเป็นเรื่องราว 6 ตอนย่อยๆตามยุคได้ให้ลองอ่านกัน
ระลึกชาติในแบบเรียน : ตอนที่1 จุดเริ่มต้นมาจากไหน ?
หากจะนับย้อนไปหลายร้อยปี แบบเรียนไทยเล่มที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์จะค้นพบในตอนนี้ “จินดามณี” ของพระมหาราชครู แห่งยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นตำราเรียนเล่มที่เก่าแก่ที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบว่าจินดามณีเป็นแบบเรียนที่ยากเกินไป ไม่น่าจะใช่แบบเรียนสำหรับปฐมศึกษา จึงมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า น่าจะมีเล่มที่ง่ายกว่านี้อยู่ แต่ยังไม่มีการค้นพบ
จนกระทั่งส่งต่อมายังยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นก็มีหนังสือเรียนสำหรับเจ้านายเล็กๆ ได้เล่าเรียนกันในรั้ววัง เช่น ปฐมมาลา, ปฐม ก กา,กาพย์พระไชยสุริยา(ของสุนทรภู่),จินดามณี ฉบับใหม่ ระยะเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม ทำให้สยามเตรียมวางรากฐานของประเทศด้วยการศึกษาอย่างมีแบบแผน
จินดามณี เนื้อหาข้างในอ่านเข้าใจยาก จินดามณี เนื้อหาข้างในอ่านเข้าใจยาก
ตัวอย่างหนังสือจินดามณี ตำราเรียนไทยเล่มแรก ตัวอย่างหนังสือจินดามณี ตำราเรียนไทยเล่มแรก
จากมูลบทบรรพกิจถึง ตาหวังหลังโก่ง แบบเรียนรวมชาติ (พศ.2414-2461)
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปีพ.ศ.2414 ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ มีพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)เป็นอาจารย์ใหญ่และได้มีการแต่งแบบเรียนหลวง 6 เล่ม สำหรับเรียน 3 ปี ประกอบด้วย มูลบทบรรพกิจ,วาหนิติ์นิกร,อักษรประโยค ,สังคโยคพิธาน,ไวพจน์พิจารณ์,พิศาลการัณฑ์ มุ่งเน้นการอ่านออกเขียนได้ เป็นตำราเรียนที่มีตัวอักษรล้วนๆ ไม่มีภาพประกอบ ค่อนข้างอ่านยาก เข้าใจยากสำหรับเด็กและผู้เริ่มเรียนรู้
ด้านในของหนังสือมูลบทบรรพกิจ เนื้อหาล้วนๆ ด้านในของหนังสือมูลบทบรรพกิจ เนื้อหาล้วนๆ
แบบเรียนหลวง 6 เล่ม โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) แบบเรียนหลวง 6 เล่ม โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
ต่อมาได้มีการปฏิรูปการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ จัดตั้งกระทรวงขึ้น 12 กระทรวง หนึ่งในนั้นมีกระทรวงธรรมการดูแลเรื่องการเรียนการสอน โดยมีกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นเสนาบดี ก่อนที่จะมีการกำหนดหลักสูตรการศึกษาครั้งแรกอย่างเป็นรูปแบบในราชอาณาจักรสยามในปี 2435 เรียกหลักสูตรนี้ว่า “กฎพิกัดสำหรับการศึกษา” มีการจัดตั้งกองแบบเรียนทำหน้าที่กำกับดูแลเนื้อหา พิมพ์ตำราเรียนหลวง
ปี 2443 ม.ร.ว.เปีย มาลากุลได้เขียนตำราเรียนชื่อ แบบเรียนสมบัติผู้ดี เน้นการนำพระพุทธศาสนามาปรับใช้ ต่อมาก็มีการเขียนแบบเรียนธรรมจริยา2เล่ม โดยพี่น้องเทพหัสดิน ซึ่งเนื้อหามีการนำตัวอย่างในชีวิตประจำวันเข้าไปอยู่ในแบบเรียนด้วย แม้จะมีหลักสูตรแล้วแต่ปัญหาของการศึกษาไทยในยุคนั้นยังไม่หมด เนื่องจากเด็กวัด ลูกชาวบ้านต้องช่วยพ่อแม่ทำนา ทำไร่ มีเวลาเรียนแค่ปีละ3 เดือนเท่านั้น จึงได้มีการปรับปรุงแบบเรียนขึ้นและเรียกว่า แบบเรียนเร็ว ใช้เวลาเรียนน้อยลง มีเรื่องสั้นๆให้ได้เข้าใจง่ายๆมากกว่าการท่องจำอย่างเดิม เช่น ตาโป๋ขาเป๋ ตาหวังหลังโก่ง
ตาโป๋ขาเป๋ ตาหวังหลังโก่ง แบบเรียนยุคที่ 1 รวมชาติ ตาโป๋ขาเป๋ ตาหวังหลังโก่ง แบบเรียนยุคที่ 1 รวมชาติ
ฟ.ฮีแลร์ ฝรั่งผู้แตกฉานภาษาไทย จนถึงกับเขียนแบบเรียน “ดรุณศึกษา”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีชาวต่างชาติคคนหนึ่งชื่อ ฟ.ฮีแลร์ หรือ เจษฎาธิการฮีแลร์ เป็นนักบวชคณะภราดาเซนต์คาเบรียล เจ้าของสมญานาม “ปราชญ์แห่งอัสสัมชัญ” ได้รับการยกย่องในด้านความแตกฉานภาษาไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากท่านเป็นชาวฝรั่งเศสมาแต่กำเนิด จนเมื่อได้มาอยู่ที่ประเทศไทย และได้แต่งหนังสือชื่อดรุณศึกษา สำหรับสอนนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ในปี 2454
ฟ.ฮีแลร์ ฝรั่งผู้แตกฉานภาษาไทย ฟ.ฮีแลร์ ฝรั่งผู้แตกฉานภาษาไทย
เมื่อความทราบถึงกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ทรงเรียกตรวจต้นฉบับและเป็นที่ปรึกษาช่วยตรวจแก้จนได้หนังสือเรียนที่มีชื่อว่า ดรุณศึกษา เนื้อหามีภาพประกอบสวยงาม บทเรียนเข้าใจง่าย ซึ่งดรุณศึกษาพิมพ์ต่อเนื่องถึงปัจจุบันพิมพ์ 114 ปี จำนวนพิมพ์61 ครั้ง เป็นแบบเรียนที่ยังจัดพิมพ์และมีอายุยืน
ดรุณศึกษา แบบเรียนไทยแต่ฝรั่งแต่ง ปัจจุบันยังพิมพ์อยู่ ดรุณศึกษา แบบเรียนไทยแต่ฝรั่งแต่ง ปัจจุบันยังพิมพ์อยู่
จบยุคที่ 1 แบบเรียนรวมชาติ
สังเกตได้ว่าในยุคนี้แบบเรียนไทยเพิ่งจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มีการลองผิดลองถูกและการปรับให้เข้ากับผู้เรียนที่เป็นลูกชาวบ้านจริงๆ นำการศึกษาจากในวังพยายามมาปรับใช้ให้กับคนในยุคนั้นให้เข้าใจถึงการอ่านออกเขียนได้ ในยุคนั้นวัดกลายเป็นสถานศึกษา พระเป็นครู ความผูกพันกับชาวบ้านระหว่างวัด นอกจากจะเป็นศูนย์รวมศรัทธาแล้วยังเป็นสถานที่ให้วิชาความรู้ด้วย โดยเมื่อเริ่มพัฒนาได้ไม่นานการศึกษาไทยก็เปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่ทองของการศึกษาในช่วงรัชกาลที่ 6 ซึ่งจะนำเสนอในตอนต่อไป รออ่านกันนะ
: จินดามณี, ระลึกชาติในแบบเรียน, เริ่มต้น, แบบเรียนภาษาไทย, แบบเรียนไทย, ในอดีต
ที่มา: mthai news
|
|
|
|
![]() |
|
๒๐ คำเหมือนกัน
|
คุณดีส ฯ ยกตัวอย่างเมื่อสมัยก่อนเราจะท่องผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ให้สะใภ้ไว้คล้องคอใช่ไหม ปัจจุบันเราก็ต้องท่องกันใหม่
ผู้ใหญ่ให้ไลน์ใหม่ ใส่มือถือไว้ไลน์หากัน ใฝ่ใจไลน์ทุกวัน มิหลงใหลใครขอดู จะใคร่เลือกไลน์ใคร ต้องไว้ใจใคร่ครวญดู สิ่งใดให้ความรู้ ต้องเปิดดูเรียนรู้เอย. 
ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย
|
|
|
|
![]() |
|
คิดเพื่อประเทศไทย
|
คือ ปัจจุบันเราก็ไม่รู้ว่าอาจารย์ปัจจุบันท่านคิดอ่านกันประการใด ซึ่งไม่ได้อยู่ในสายครูเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีตำรากันใหม่มาสอนกันอย่างไร ซึ่งในเรื่องหาภาพประกอบการเรียนการสอน หรือว่าจะเป็นบทเรียนอันใด เราคิดว่าทำเป็น คลิบ กันขึ้นมาสอนกันเลยนั่นแหละคงจะได้ แต่ต้องเป็นการเรียนรู้นอกตำราเรียนกันบ้างที่จะได้เอาไว้คิดอ่านเอาตัวรอดกันได้ในสังคมไทย แต่ก็ต้องมุ่งเน้นในเรื่องวิถีไทยกันเอาไว้ ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนถ่ายก็ต้องไม่เปลี่ยนไปจากของเดิมให้มากเกินจริงไปกระนั้นได้ แต่แบบการเรียนการสอนในเรื่องวิชาภาษาไทยเรื่องนี้เป็นพื้นฐานก็ต้องเป็นตำนานที่จะต้องคงเอาไว้ แต่หนังสือนอกตำราเรียนนี่สิเป็นเรื่องที่จะต้องคิดหนักที่จะงัดเอาไปไว้เป็นบทเรียนกระนั้นได้ คือ คิดกันเถิดว่าจะให้ความรู้แก่เด็กไทยอย่างไรที่จบออกมาเแล้วเหนือชั้นกว่าชนชาติอื่นใดนี่แหละที่จะต้องเป็นจุดยืนเอาไว้ในสมัยนี้คือคำว่า เหนือชั้น นี่แหละที่จะต้องกระทำให้จงได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
คิดเพื่อประเทศไทย
|
|
|
|
|
![]() |
|
มโนธรรม!
|
คุณดีสฯ เราคิดว่าอาเซียนคือการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกันเสียมากกว่าน๊ะที่จะมีศูนย์การเรียนรู้ซึ่งก็น่าจะเป็นที่ ประเทศไทย ซึ่งก็ต้องมีแต่เหล่าตำรับตำราจากทุกชาติภาษาในอาเซียนมาทำเป็น ห้องสมุดอาเซียน กันเอาไว้ เพราะทำเลของประเทศไทยที่มีวัดวาอารามเป็นจำนวนมาก สามารถผนวกเอาวิชาการเหล่านั้นมาบรรจุเอาไว้เพื่อเป็นธรรมทานที่อาเซียนนั้นจะมาเล่าเรียนแบ่งปันกันนั้นได้ คือ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ครอบคลุมไปทั้งหมดนั่น และให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจนั้นของทุกชาด ติ พันธุ์ในอาเซียนที่จะมาหาความสำราญในเชิงสันทนาการกันเสียมากกว่า หรือว่า เพื่อนบ้านอาเซียนจะมีอะไรที่เป็นจุดขายก็น่าจะแชร์กันให้ความรู้ซึ่งกันและกันก็คงจะสุขสงบกว่า ที่จะคิดแต่การแข่งขัน ซึ่งโน่นนั่นคือ ชาติยุโรป นั่นแหละคือ ใช่ แต่อาเซียนด้วยกันไม่ใช่ แต่เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันและแบ่งปันแลกเปลี่ยนสินค้าที่จะต้องร่วมกันพัฒนาเพื่อหาจุดศูนย์กลางคือประโยชน์ร่วมกันเป็นจุดใหญ่ที่จะส่งเสริมพัฒนาเพื่อให้เกิดระดับสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าที่จะแข่งขันกันนั้นได้ ส่วนการค้ากำไรหรือว่าหาทางเบียดเบียนซึ่งกันและกันนั้นหนามันคงไม่ใช่ แต่เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมากกว่า เพื่อประโยชน์สุขของมนุษยชาติในภูมิภาคนี้มากกว่าที่ควรจะได้ และนี่แหละคือ อาเซียนที่สุขสมบูรณ์ เสียมากกว่าที่จะมาแข่งขันกันนั้นหนาในเรื่องการประกอบอาชีพค้าขาย แต่การแข่งขันที่แท้จริงนั้นก็คือ การแข่งขันกีฬาเพื่อทดสอบคุณภาพร่างกายของแต่ชาติภาษามากกว่าใครจะแข็งแกร่งและแข็งแรงกว่ากันกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
ไม่พ้นประเทศไทย!
|
ในชาติอาเซียนนั้นก็น่าจะตกลงกันว่าจะให้ชาติใดเป็น โรงเรียน เป็นวัด เป็นสถานที่ค้าขาย เป็นศูนย์การผลิต เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งก็ต้องหาจุดยืนร่วมกันกระนั้นได้
แต่สำหรับเราเห็นว่า ประเทศไทยคือสถานที่ที่จะเป็นศูนย์กลางเรียนรู้ของเพื่อนบ้านอาเซียนกระนั้นได้ที่จะให้ความรู้ในเรื่องการเกษตร แล้วก็แบ่งจัดสรรค์ประเทศใดนั้นเรียนรู้เรื่องการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมกระนั้นได้ แล้วก็คิดแบ่งปันกันที่จะแลกเปลี่ยนนักเรียน นักศึกษาหมุนเวียนกันไปเรียนรู้แล้วแต่ใครจะเก่งในเรื่องใด สาขาไหน แต่ที่ประเทศไทยก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องสถานพยาบาลที่ก็สามารถให้ความรู้แก่แพทย์ พยาบาลได้ และก็มีช่างสิบหมู่หรือว่าจะเรียนรู้เรื่องศิลป ก็มีอยู่มากมาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ควรจะมีการคิดร่วมกันในการจัดสรรค์ให้แก่เยาวชนในอาเซียนให้เลือกสรรค์ว่าจะเรียนที่ประเทศไหน ที่จะมีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันซึ่งก็คงจะมีความมั่นคงจีรังยั่งยืนกระนั้นได้ และลดการขัดแย้งในเรื่องวัฒนธรรมที่ก็จะต้องมีการเรียนรู้ซึ่งกันและกันและก็มีบทเรียนร่วมกันนั้นก็คือ คุณธรรม ความดี ซึ่งก็จะเป็นจุดยืนในการศึกษาที่จะต้องมีจุดยืนร่วมกันที่อาเซียนเป็นจุดใหญ่ จะได้ลดการเหลื่อมล้ำทางด้านความคิด ความประพฤติที่จะต้องสอดคล้องกันในเรื่อง คุณธรรม นี่แหละคือหลักใหญ่ที่หากจะอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกนั้นก็ต้องมี คุณธรรม เป็นศูนย์รวมจิตใจที่จะดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ในชุมชนอาเซียนในอนาคตต่อไป 
|
|
|
|
![]() |
|
คิด คิด คิด
|
คุณดีสฯ เราว่าสิ่งที่จะต้องปฏิรูปกันนั้นน่ะเราว่าคือการสื่อสารเสียมากกว่าน๊ะที่จะต้องให้ไปดูงานในอาเซียนที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันนั้นได้ แล้วก็พวกผู้สื่อข่าวในแต่ละสำนักกันนี่ก็น่าจะมีจัดอบรมสัมมนากันบ้างก็จะดีน๊ะว่าให้ไปดูการทำข่าวสารของบ้านเมืองอื่นกันบ้างว่าเขามีวิธีการสร้างเสริมพัฒนาในบ้านเมืองของแต่ละบ้านเมืองกันอย่างไร
เอาแค่ในอาเซียนของเราเท่านี้ก่อนดีกว่า หากให้ไปศึกษาในต่างประเทศก็จะมีวิชามารมากเกินไป เอาแค่ในอาเซียนเท่านั้นก็จะดีอย่างมากมาย 
|
|
|
|
![]() |
|
ตำรา ยุ
|
เรื่องการสื่อสารหรือข่าวสารในอาเซียนก็ต้องให้มีข้อเท็จริงที่ตรงกัน จริงใจต่อกัน ยิ่งในเรื่องบอกกล่าวข่าวสารในเรื่องเชื้อโรคอีโบลาก็ต้องให้การข่าวที่เป็นจริงนั้นหนาว่าขณะนี้กำลังระบาดอยู่ในชาติใดในอาเซียนกระนั้นได้ จะได้ร่วมมือกันแก้ไข มิใช่ให้เกิดเรื่องบานปลายจนยากที่จะแก้ไข และนี่เองจึงเป็นที่มาของการสื่อสารที่จะต้องมีการพัฒนารูปแบบอย่างกว้างขวางออกไปกระนั้นได้ มิใช่มามองกันแค่จุดเล็ก ๆ ก็แค่ในระดับชาติเพียงแค่นั้น แต่ก็ต้องมองไปยังระดับนานาชาตินั้นด้วย มิใช่ยุให้รำ ตำให้รั่ว ตามตำรายุอะไรปานนั้น ตอนนี้ ยุ ไม่ขึ้นแล้วน๊ะจะบอกให้ เพราะคนไทยเขาฉลาดมากขึ้นแล้วนั้น ยุก็ยุแต่เพียงตัวเองเท่านั้นคือยุให้สูงส่งไปกว่าความคิดที่มีอยู่นั้นให้สูงส่งไปยังความดีที่มีคุณธรรมค้ำจุนประเทศไทยเท่านั้นจะบอกเอาไว้ให้ 
|
|
|
|
![]() |
|
สามัคคีกันเป็นข้อใหญ่!
|
คุณดีสฯ ปัจจุบันเป็นการเรียนรู้การสื่อสาร ตำรายุ กันหรือเปล่านั่นในประเทศไทย อย่างนี้ต้องพลิกตำราใหม่ คือต้องเรียนรู้การสื่อสารเพื่อประสานงานกันระหว่างคนดีกับคนดีมีศีลธรรมที่จะค้ำจุนความมั่นคงของประเทศไทย เลิกคิดกันเถิดว่าประเทศไทยนั้นหนาจะตกเป็นของใคร เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของนั้นมีแต่ทุกคนที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทยนั้นเป็นเจ้าของร่วมกันที่จะดูแลและรับผิดชอบร่วมกันโดยมิได้ตกเป็นผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระนั้นได้ ขอให้เลิกคิดถึงเรื่องผลประโยชน์ให้ลดทอนลงไป เพราะขณะนี้นั้น ความมั่นคง คือผลประโยชน์ร่วมกันที่จะต้องดำรงรักษากันเอาไว้เพราะนี่คือผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนคนไทยที่อยู่อาศัยบนผืนแผ่นดินนี้ที่จะต้องประสานสามัคคีมีไตรีต่อกันเป็นข้อใหญ่เพราะประเทศไทยเป็นสมบัติของคนไทยทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย 
|
|
|
|
![]() |
|
พับผ่าสิ!
|
สวัสดีค่ะคุณดีสฯ วันนี้มีข่าวเรื่องผู้หญิงถูกทำร้ายในห้างดังฯ ซึ่งเราได้ดูข่าวแล้วเศร้าใจจัง ทั้ง ๆ ที่คนก็เดินไปมารถก็วิ่งเข้าออกน๊ะแต่ไม่มีคนเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด กดแตรก็แล้วด้วยแต่ก็ไม่มีคนเข้าไปช่วยจนกระทั้งคนที่ถูกทำร้ายต้องเดินไปถามคนทำความสะอาดว่าได้ยินเสียงแตรเสียงขอความช่วยเหลือไหม ได้รับคำตอบว่าคิดว่าเด็กตีกัน นี่หรือคือสังคมเมืองในเวลานี้ที่ก็ไม่แตกต่างจากจีนสักเท่าไหร่ และชักจะใกล้เคียงเข้าไปทุกทีแล้ว ซึ่งเรายังอโหสิที่ประเทศจีนเพราะสังคมเขาหมู่มากและมีพลเมืองมากมาย แต่ที่ไทยเราไม่ได้ถูกสอนให้เพิกเฉยต่อการขอความช่วยเหลือหรือว่าเห็นอะไรผิดปกติก็ต้องเข้าไปสังเกตการณ์ แต่นี่ดูเสมือนเป็นการเคยชินเสียแล้วสำหรับเรื่อง ตีกัน เขาก็คงเห็นกำลังยื้อแย่งกันที่รถก็คงคิดว่าเป็นเรื่องสามีภรรยา เรื่องวัยรุ่นหนุ่มสาวตีกัน คือมีมโนนึกเรื่องราวไปต่างๆ นานา แล้วก็คงจะมาหยุดตรงที่ว่า อย่าเข้าไปยุ่งดีกว่าไม่เจ็บตัวด้วย แล้วหากว่ามีคนคิดอย่างนี้มาก ๆ ในเมืองไทยจะทำกันอย่างไร
เราว่าในกรณีเกิดเรื่องในห้างต่อไปนี้แล้วไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ปิดห้างเพื่อให้เขาปรับปรุงการให้บริการให้ดีก่อนดีกว่าไหม หรือจะพูดได้อีกอย่างในสถานะที่เป็นข่าวคือ จะหาความปลอดภัยไม่ได้อีกแล้วแม้แต่ในห้าง นี่แหละสังคมไทย เมืองไทยไม่มีความปลอดภัยไปน่าเข้ามาท่องเที่ยวแต่อย่างใด ขาดความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ยิ่งเป็นชาวญี่ปุ่นถูกฆ่าหั่นศพอีกนี่ ยิ่งจะไปกันใหญ่ จากเรื่องการเมืองที่เงียบหายไป นักข่าวกลับมาเล่นข่าวสังคมในไทย ถามจริงอยู่บนเรือลำเดียวกันหรือเปล่านี่ที่ประเทศไทย เคยวิเคราะห์ข่าวกันก่อนไหมว่าหากออกไปนี่มันจะเสียหายไปในทิศทางไหน หรือว่ายังไม่เป็นไปในพวกเดียวกันอีกนั้นได้บนเรือไทยที่จะพูดหรือทำอะไรให้ไปในทิศทางเดียวกัน โอย! หากเป็นอย่างนี้อีกนั้นมันก็คงจะอยู่บนเรือลำเดียวกันไม่ได้อีกกระมังที่จะคิดได้ เพราะว่าทั้งผู้สื่อข่าวและผู้ที่รักชาติพูดไม่เป็นเสียงเดียวกันนั้นได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อ ข้าจะอึจะฉี่ พวกเองก็มีหน้าที่เก็บอึเก็บฉี่นี่แล้วกัน อ้าว! นั่นมันก็สุนัขแล้วแหละนั่นที่จะไม่มีจิตสำนึกกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
ปัดโธ่เอ๊ย!
|
คือว่าหากสำนักข่าวไทยไม่ได้มีหน้าที่คัดกรองข่าวก่อนที่จะนำเสนอออกไปอย่างนี้ บ้านเมืองไทยก็ป่นปี้แหละจะบอกให้ ก่อนที่จะเผยแพร่ข่าวออกไปมันจะต้องมานั่งคิดตรองกันก่อนว่ามันจะเสียหายต่อผืนแผ่นดินไทยขนาดไหน
ไม่ใช่มานั่งประชุมกันว่าหากข่าวนี้นำเสนอออกไปนี่น๊ะเราจะได้กำไรสักเท่าไหร่ ต้องพิมพ์ได้เพิ่มขึ้นอีกไหม คือ ไม่ได้คิดถึงผลเสียของบ้านเมืองไทย แต่คิดถึงแต่กำไร ขาดทุน กันเท่านั้น ไม่คิดว่าได้มานั่งหากินบนแผ่นดินนี้จะสร้างสรรค์บ้านเมืองไทยนี้ให้ดีควบคู่กับสติปัญญาที่มีอยู่กันนี้ทำมาหากินเอาเงินเข้ากระเป๋านี่จะต้องทำกันอย่างไร อย่างนี้ทำงานแค่ยกขาฉี่ หรือคิดจะวิ่งไปอึที่ไหนก็ได้ ให้พวกเองวิ่งหาเองสิว่าจะต้องไปเช็ดไปทำความสะอาดกันอย่างไร อย่างนี้จะให้อยู่หากินอย่างนี้จะมีประโยชน์อันใด สร้างแต่ความเสื่อมเสียกระนั้น จิตใจบกพร่องกระนั้นจะบอกให้ เพราะเสมือนไม่รู้สึกรู้สาอันใดว่าคนที่เขาบริโภคข่าวหรือเสพข่าวเขาจะคิดกันอย่างไร อย่างนี้จะให้คิดว่ามันเป็นคนไทยก็ผิดแล้วกระมัง หากเป็นคนไทยที่ดีนั้นมันต้องมีจิตวินิจฉัย ไม่ใช่ทำข่าวแค่ยกขาฉี่อย่างนี้ไม่ดีหรอกจะบอกให้ 
|
|
|
|
![]() |
|
ถาม????
|
|
|
|
|
![]() |
|
สำเหนียก!
|
พ.ศ. 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมา ทางการเขาสั่งมาว่า ทางการเขาสั่งมาว่า ให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดและสุกร
ฝ่ายตาสีหัวคลอน ถามว่าสุกรนั้นคืออะไร ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด สุกรนั้นไซร้คือหมาน้อยธรรมดา มาน้อยหมาน้อยธรรมดา หมาน้อยล่ะหมาน้อยธรรมดา
สายัณห์ตะวันร้อนฉี่ ผู้ใหญ่ลีขี่ม้าบักจ้อน แดดฮ้วนฮ้อนใส่แว่นตาดำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกพรำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกพรำ ถอดแว่นตาดำฟ้าแจ้งจางปาง ฟ้าแจงฟ้าแจ้งจางปาง ฟ้าแจงล่ะฟ้าแจ้งจางปาง
คอกลมเหมือนดั่งคอช้าง เอวบางเหมือนยางรถยนต์ รูปหล่อเหมือนต่อไฟลน หน้ามนเหมือนเขียงน้อยซอยซา เขียงน้อยเขียงน้อยซอยซ่า เขียงน้อยล่ะเขียงน้อยซอยซ่า
พ.ศ. 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมา ทางการเขาสั่งมาว่า ทางการเขาสั่งมาว่า ให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดและสุกร
ฝ่ายตาสีหัวคลอน ถามว่าสุกรนั้นคืออะไร ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด สุกรนั้นไซร้คือหมาน้อยธรรมดา มาน้อยหมาน้อยธรรมดา หมาน้อยล่ะหมาน้อยธรรมดา
สายัณห์ตะวันร้อนฉี่ ผู้ใหญ่ลีขี่ม้าบักจ้อน แดดฮ้วนฮ้อนใส่แว่นตาดำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกพรำ ผู้ใหญ่ลีกลัวฝนจะตกพรำ ถอดแว่นตาดำฟ้าแจ้งจางปาง ฟ้าแจงฟ้าแจ้งจางปาง ฟ้าแจงล่ะฟ้าแจ้งจางปาง
คอกลมเหมือนดั่งคอช้าง เอวบางเหมือนยางรถยนต์ รูปหล่อเหมือนต่อไฟลน หน้ามนเหมือนเขียงน้อยซอยซา เขียงน้อยเขียงน้อยซอยซ่า เขียงน้อยล่ะเขียงน้อยซอยซ่า 
|
|
|
|
![]() |
|
|
สวัสดีครับคุณจู
นำเพลงผู้ใหญ่ลีมาร้องแต่เช้าเลย คงตื่นมาประชุมกันหมดครับ ช่วงนีสถานการณืยังไม่ค่อยดี ต้องคอยติดตามกัน...ก็คงจะมีข่าวคราวเหตุกาณณ์ทางธรรมชาติตามในอีกไม่นานครับ....
|
|
|
|
![]() |
|
ไหม ?
|
"... ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครทำทุกคนให้เป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงไม่ใช่อยู่ที่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ..."
พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จากพระบรมราโชวาทบทนี้ก็จะชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปในสังคมไทยในปัจจุบันว่าสิ่งที่บังเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรานั้นก็มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีปะปนกัน ก็เกิดจากการกระทำของคนดีและไม่ดีกระนั้นที่จะชี้แจงได้ และการที่จะทำให้มีข่าวเกิดขึ้นที่หน้าหนึ่งในเมืองไทย ก็ต้องมีการวินิจฉัยว่าควรจะนำเสนอข่าวไปในทิศทางไหนที่ว่าจะช่วยส่งเสริมบ้านเมืองไทย จะให้มีข่าวแต่ไม่ดีก็เพราะมีคนไม่ดีอยู่มากเกินไป ซึ่งบางคนที่บริโภคข่าวเขาก็ว่าบ้านเมืองนี้มีแต่คนไม่ดีหรืออย่างไร ถึงได้มีแต่ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ แล้วไฉนถึงมีข่าวในเรื่องที่ดีว่าเป็นเมืองที่มีศาสนาเป็นเครื่องค้ำจุนจิตใจ แต่ข่าวที่มีในหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยมีแต่ข่าวที่เสีย ๆ หาย ๆ ไม่เห็นว่าจะมีคนดีดั่งที่ว่านั้นกันได้
เรื่องเหล่านี้คือเรื่องที่คนที่เขามีความคิดที่ดีเขาจะต้องแยกแยะได้ เพราะข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าวไม่ดีเพราะคนไม่ดีที่ทำให้เป็นข่าวและมีคนที่ไปหาแต่ข่าวของคนไม่ดีมานำเสนอมานั้นได้ แล้วคิดสิว่าเราจะหาหนทางแก้ไขข่าวสารในบ้านเมืองของเราอย่างไรที่จะพัฒนาการสู่ความดีงามให้บังเกิดกระนั้นได้ คนทำข่าวเขาก็บอกว่าไม่มีใครเขาอยากจะอ่านแต่ข่าวดี ๆ คนดี ๆ ไม่มีกำลี้กำไร สู้ข่าวไม่ดีไม่ได้ที่จะคนสนใจที่จะอ่าน เพราะฉะนั้นมิใช่เรื่องที่ไม่ดีจะไม่บังเกิดมีในประเทศไทย
แต่เราก็ต้องสืบหาเอาเองว่าอยู่ที่ไหน จะมาหาในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยคงจะไม่มีให้อ่านกระนั้นได้
นี่แหละจึงเป็นที่มาของคำว่าในบ้านเมืองไทยมีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดีปะปะกัน เพราะมีทั้งคนดีและคนไม่ดีนั้นปะปนกันนั้นได้ ข่าวไม่ดีก็ให้คนไม่ดีอ่านกระนั้นเพราะเขาก็คงจะเว้นวรรคไม่กระทำกันอีกต่อไป แต่ที่ไหนได้ใครทำข่าวไม่ดีทำตัวไม่ดีได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยและได้เป็นดาราหน้าหนึ่งอีกนั้นหนาที่จะทำให้ข่าวเขามีราคาค่างวดที่จะพิมพ์อวดโชว์โก้หรูในเมืองไทย และผลเสียก็คือ ภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาของชาวโลกที่ว่า ไม่น่ามาท่องเที่ยวเลยประเทศไทย  
|
|
|
|
![]() |
|
รับรองได้!
|
|
|
|
|
![]() |
|
ทำได้ไหม?
|
|
|
|
|
![]() |
|
คิดเพื่อประเทศไทย
|
หนังสือพิมพ์ในบ้านเมืองไทยต้องทำให้แตกต่างจากข่าวสารในอินเตอร์เน็ทเห็นจะได้ มิใช่มีแต่รูปแบบเดิม ๆ ที่ไม่น่าสนใจคือหาอ่านจากอินเตอร์เน็ทก็ได้ แต่หนังสือพิมพ์นี่ดีกว่าอินเตอร์เน็ทเพราะเป็นข่าวที่จับต้องได้ เป็นหลักฐานในการที่จะยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงอย่างไร บางทีหากทำข่าวที่ไม่เป็นที่สร้างความมั่นคงในประเทศไทย ก็สามารถเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานยืนยันกระนั้นได้ ควรออกกฏหมายในเรื่องนี้ให้ดีเพราะอินเตอร์เน็ทนี่บางทีก็ไม่ได้พริ้นออกมาแต่ประการใด
แต่ข่าวสารจะเป็นหลักฐานยืนยันการนำเสนอข่าวสารได้ว่าได้สร้างความมั่นคงให้กับชาติบ้านเมืองไหม ใครเป็นคนหาข่าว ใครนำเสนอข่าว ใครเป็นบรรณาธิการข่าวที่ให้ข่าวสารออกมาได้อย่างไร และเขาไปติดตามข่าวสารได้มาจากแหล่งข่าวไหน นี่เป็นหลักฐานได้หมดน๊ะจะบอกให้ที่จะนำมาเป็นหัวข้อที่จะหาสิ่งถูกผิดประการใด
ดังนั้น หากจะเอาจริงเอาจังกันในประเทศไทยเราคิดว่าหาได้ง่ายดายมากกว่าเรื่องฝรั่งที่ถูกฆ่าตายที่เกาะเต่าอีกกระนั้นได้และสามารถเก็บเป็นหลักฐานยืนยันกันอีกนั้น ก็ให้คิดดูแล้วกันสำนักพิมพ์ทั้งหลายว่าจะเดินหน้าหรือว่ายุบทำลาย หรือว่าจะสร้างสรรค์ข่าวสารนั้นหนากันขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นหลักฐานยืนยันเป็นตำนานสืบต่อลูกหลานในอนาคตกันนั้นได้ที่เขาจะได้สืบค้นหาว่าหนังสือพิมพฺ์ฉบับใดนั้นหนารักชาติ รักเมืองไทยมากที่สุดกระนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
คิดเพื่อประเทศไทย
|
หากจะคิดดีต่อชาติบ้านเมืองไทยทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างในหนังสือพิมพ์ที่จะเป็นต้นแบบเป็นสิ่งที่ใช้ประกอบการเรียนการสอนของเด็กนักเรียนในทุกวันกระนั้นได้ และในหน้าหนังสือพิมพ์จะให้กระทวง ทบวงกรมไหนให้ข่าวเรื่องการเรียนในระบบทางไกลที่มากับข่าวหนังสือพิมพ์เหตุใดจะทำไม่ได้ เขาก็คงจะไม่ทิ้งให้เป็นเศษกระดาษหรือเอาไปพับถุงหรอกนั่น เขาก็คงจะมานั่งตัดหาข่าวเอาไปประกอบการเรียนการสอน หรือเอาไปเป็นหัวข้อประชุมในสถาบันต่าง ๆ กระนั้นได้ ที่จะทำประโยชน์มีมากมาย จะเป็นหน้าสำหรับนักเรียนนักศึกษา สำหรับข้าราชการ สำหรับหน่วยงานต่าง ๆ สถานพยาลบาล เศรษฐกิจ มีเรื่องมากมายที่จะเป็นความรู้เอาไว้ประกอบอาชีพก็ได้ มีหลายอย่างที่จะเป็นประโยชน์ในหนังสือพิมพ์อย่างมากมาย ก็ให้มานำเสนอให้ประชาชนทราบสิว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหนังสือพิมพ์กันอย่างไร เขาจะได้ติดตามข่าวสาร นี่ไม่รู้อะไรกันมีแต่เรื่องไร้สาระไม่ได้ประโยชน์อันใด บอกล่วงหน้าด้วยว่าพรุ่งนี้จะนำเสนอข่าวอะไรให้ติดตามในหนังสือพิมพ์ฉบับวันไหน ก็มีหลายอย่างที่จะคิดอ่านกระทำให้มันผิดแผกแตกต่างจากอินเตอร์เน็ทที่เขานำสมัย แล้วหนังสือพิมพ์ในบ้านเมืองไทย จะทำอะไรที่ดีกว่าเก่าไม่เห็นบอกเล่ามาบ้างเลยรอฟังอยู่น๊ะจะบอกเอาไว้ให้ 
|
|
|
|
![]() |
|
เตือนเอาไว้!
|
|
|
|
|
![]() |
|
บายยยยยยยยย
|
|
|
|
|
![]() |
|
บังอาจไปไหม?
|
ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงามฯ ๏ หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทยฯ
สยามานุสสติ บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
(มหาธีรราชานุสรณ์ ๒๕๕๕ : รอยบาทเคยยาตรเยื้อง ยังตรา วันพรุ่งนี้ เวลา 6.00 น.) 
|
|
|
|
![]() |
|
ว่าด้วยชาติที่เป็นธรรม!
|
คุณดีสฯ อังกฤษเขาไม่เชื่อจริง ๆ น๊ะว่าท่านธรรมชาตินั้นน่ะท่านยุติธรรมจะบอกให้ ยังกลัวว่าหากเขาเข้ามาติดตามข่าวในไทย ไม่รู้ว่าบ้านเมืองของเขาจะเป็นอย่างไร ก็มีภาพข่าวขึ้นมาทันที เรื่องนี้เรื่องจริงน๊ะไม่อิงนิยายจะบอกให้ และพี่พม่าก็ยังอีกน๊ะหากไม่หยุดด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็คงจะได้ข่าวในเร็ว ๆ นี้พร้อมกันนั่นแหละจะบอกให้ 
|
|
|
|
![]() |
|
|
คุณจูได้กลับไปดูกระทู้เก่าๆที่ลงไปรึครับตัวเลขวิ่งไปมากไหมครับผมคงจะหาไม่เจอแล้วเพราะตัวเลขจำนวนหน้าไม่ทราบหน้าเท่าไหร่แล้ว แปลกนะที่มีคนดูกันมากครับ ทั้งๆที่กระทู้ก็คุยกันนานแล้วแต่มันจะเป็นความจริงหลังจากนั้นครับคุณจูครับดีครับคุณไปดูหากมีใครแสดงความคิดเห็นเข้ามาก็นำมาลงด้วยหรือตัวเลขวิ่งไปเรื่อยๆคุณจูจะไปลงเพิ่มเติมก็ได้ครับ...ตอนนี้ฝนตกหนักฟ้าร้องรุนแรงมากครับ เห็นจากรายงานว่าพายุกำลังเดินไปประเทศอังกฤษแล้วครับ...ใหญ่มากด้วยเพราะถ่ายจากดาวเทียมครับ..
|
|
|
|
![]() |
|
|
งานนี้อังกฤษจึงรับเละแน่เลยครับ เห็นใจประชาชนเขาครับที่ต้องรับกรรมกันไป ส่วนนักโทษพม่า 2 คนตอนนี้กลับคำสารภาพแล้วครับฉนั้นเราอย่าไปวิจารณ์เขามากอาจจะเป็นจริงหรือเป็นแพะก็ได้ ก็ต้องให้เขาตรวจสอบกันต่อไปครับคุณจู...เพื่อความเป็นกลางครับ...
|
|
|
|
![]() |
|
|
พ่อแม่ผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ คดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวเกาะเต่าเดินทางถึงไทย
พ่อแม่ผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ คดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวเกาะเต่าเดินทางถึงไทย นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
พ่อและแม่ของผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ 2 คน ในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางจากประเทศเมียนมาร์มาถึงสนามบินดอนเมืองแล้วเมื่อเวลา 10.20 น. วันนี้ (22 ต.ค.) เผยต้องการรับทราบความเป็นอยู่ของบุตรชาย และขอให้ศาลไทยให้ความเป็นธรรม
พ่อและแม่ของผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ 2 คน ในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางจากประเทศเมียนมาร์มาถึงสนามบินดอนเมืองแล้วเมื่อเวลา 10.20 น. วันนี้ (22 ต.ค.) โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทยพร้อมทนายความ และคณะกรรมการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาร์ เดินทางมารับและให้กำลังใจ โดยพ่อและแม่ของผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เนื่องจากต้องการเห็นหน้าลูกชายว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ขณะเดียวกันต้องการให้ศาลไทยให้ความเป็นธรรมแก่ลูกชายด้วย พร้อมกันนี้ยังได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระบารมีให้ช่วยเหลือลูกชายด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาทั้งหมดขึ้นรถเดินทางไปยังสถานทูตเมียนมาร์เพื่อเตรียมลงพื้นที่เกาะเต่า จ.สุราษฎ์ธานี เข้าเยี่ยมลูกชายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่ายังไม่ได้รับการประสานอย่างเป็นทางการจากประเทศอังกฤษในการเข้ามาร่วมสอบสวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี โดยจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศของไทย และสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือในประเด็นการเข้ามาร่วมสอบสวน โดยจะทำได้เพียงเข้ามาร่วมสังเกตการณ์เท่านั้นไม่ได้เข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวน แต่ยืนยันว่า กระบวนการสอบสวนของตำรวจไทยเป็นไปตามหลักสากล ไม่มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา ซึ่งขั้นตอนการสอบสวนมีแพทย์ยืนยันถึง 3 ครั้ง ทั้งจากแพทย์ประจำเกาะเต่า แพทย์ประจำเรือนจำ และแพทย์ที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ พาไปตรวจหลังถูกคุมขัง
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหากลับคำรับสารภาพและใช้สิทธิ์ชี้แจงกับพนักงานอัยการ พล.ต.ท.ประวุฒิ ระบุว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้ก่อนอัยการสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาล ส่วนกรณีที่ญาติผู้ต้องหา เดินทางเข้ามาติดตามคดีในประเทศไทย ตำรวจพร้อมอำนวยความสะดวกหากได้รับการประสานมา
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!!
|
|
|
|
![]() |
|
น๊ะ!
|
คุณดีสฯ ฝนชะล้างสิ่งไม่ดีไม่งามในสยามประเทศไทย ไม่หนักหนาสักเท่าไหร่ แต่พวกที่ทำอะไรกันเอาไว้นั่นก็ให้ระมัดระวังภัยกันเอาไว้แล้วกัน สิ่งที่่น่ากลัวนั้นก็คือ แผ่นดินยุบเป็นหลุมนี่แหละน๊ะ ก็จะน่ากลัวกว่าน๊ะไม่รู้บริเวณไหน ก็ให้ระมัดระวังกันเอาไว้ให้ดี แต่คนดี ๆ ก็รอดปลอดภัย แต่คนที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองนี่สิก็คงไปช่วยอะไรเขาไม่ได้
ตอนนี้ก็เป็นเรื่องของท่านธรรมชาติล้วน ๆ แล้วแหละน๊ะที่ว่าพวกเราคงจะไปตัดสินอะไรไม่ได้ ก็ต้องพลอยฟ้าพลอยฝน อย่างแท้จริงแล้วสำหรับประเทศไทย เพราะว่าพลอยคุณงามความดีกันไม่ได้ ก็ไม่รู้สิน๊ะก็ว่ากันไป แต่เราเชื่อในเรื่องเวรกรรม ก็คงจะต้องยึดมั่น ถือมั่นกันต่อไป ก็จะอะไรได้ล่ะ ก็ประเทศไทยนั้นน่ะ เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ยังจำกันได้ไหม 
|
|
|
|
![]() |
|
|