
เคยเป็นทั้งนางเอก ทั้งคุณ
แม่ของลูกชาย 2 คน อีกทั้งยังเป็นนักธุรกิจหญิง แต่
จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ก็ยังคงมีบทบาทใหม่มาให้ได้ลองสัมผัสอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงบทบาทในชีวิตจริงอย่างการช่วยดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เธอขออาสาด้วยตัวเองเพื่อจะช่วยมอบความสุขให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล แต่ในครั้งนี้ผู้หญิงอารมณ์ดีอย่าง จิ๊ก เนาวรัตน์ ก็ได้รับบทบาทใหม่ในชีวิตอีกครั้งด้วยการเป็นจิตอาสา
แต่งหน้าศพ
งานที่หลายคนยังใจไม่กล้าพอ แต่เธอคนนี้กล้าและยินดีเสมอ

จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเริ่มต้นเล่าว่า เมื่อ 3-4 ปีก่อน เธอเริ่มต้นการเป็นจิตอาสาไปดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยรับหน้าที่เป็นคนสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ป่วยด้วยการชวนคุย พาผู้ป่วยเข้าห้องน้ำ ช่วยวัดความดัน หรืออะไรก็ตามเท่าที่เธอจะพอทำได้ โดยที่การแต่งหน้าศพไม่เคยเป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากที่เคยผ่านการแต่งหน้าศพให้กับคุณ
แม่ที่รักและเทิดทูน รวมถึงผู้กำกับผู้มีพระคุณ มาถึง 2 ครั้ง ทำให้เธอตระหนักดีว่าการทำสิ่งดี ๆ เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อใครสักคน คือสิ่งที่เธอควรทำ แม้จะคิดแบบนั้นแต่เมื่อวันที่ ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ เสียชีวิตลง คำสัญญาที่จิ๊ก เนาวรัตน์ เคยให้กับป้าจุ๊ไว้ว่าจะไปแต่งหน้าศพให้ เธอกลับทำไม่สำเร็จ เพราะเธออยู่ต่างจังหวัดและไม่สามารถกลับมาแต่งหน้าศพให้ป้าจุ๊ได้ทัน จนกลายเป็นสิ่งที่ค้างคาใจมาจนทุกวันนี้
วันหนึ่งขณะที่เธอเดินผ่านห้องดับจิตของโรงพยาบาลรามาธิบดีที่ จิ๊ก เนาวรัตน์ ไปรับหน้าที่จิตอาสาอยู่ เธอขออนุญาตพยาบาลเปิดเข้าไปดูข้างใน และพบกับศพที่ถูกห่มด้วยผ้าขาวศพหนึ่งนอนอยู่ ทราบว่าเป็นศพผู้ชาย ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่จนต้องปิดประตูแล้วเดินจากมา พร้อมกับความคิดที่ว่าจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง
เมื่อความอยากช่วยเหลือถูกกระตุ้นอยู่ภายใน จิ๊ก เนาวรัตน์ จึงได้ไปพูดคุยกับอาจารย์ที่ดูแลการตกแต่งศพ ทั้งเย็บแผล ฉีดฟอร์มาลีน รวมถึงแต่งหน้าศพ ด้วยความเป็นผู้หญิง จิ๊ก เนาวรัตน์ รู้สึกว่าบางครั้งอาจารย์ก็แต่งหน้าศพสวยบ้างไม่สวยบ้างตามแบบผู้ชาย เธอจึงอยากขอลองรับหน้าที่ช่วยเหลือศพเหล่านั้น ด้วยการลงมือแต่งหน้าศพเสียเอง ซึ่งอาจารย์ก็อนุญาต เธอจึงมีโอกาสได้ลองสัมผัสบทบาทใหม่ที่สุดท้าทายในชีวิต เพราะจิ๊ก เนาวรัตน์ คือคนที่กลัวผีมากที่สุดคนหนึ่ง!


เธอบอกว่าตอนแต่งหน้าศพเธอก้าวผ่านความกลัวไปได้ ด้วยการพูดคุยกับศพทุกศพขณะกำลังแต่งหน้าให้ ด้วยการขออนุญาตแต่งหน้าในขั้นตอนต่าง ๆ โดยช่วงแรกนั้นเธอใช้เครื่องสำอางของตัวเองที่ไม่ใช้แล้ว มาใช้ในการแต่งหน้าให้กับศพ หลังจากนั้นก็มีคนนำเอาเครื่องสำอางมาบริจาคเป็นจำนวนมาก ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า บางครั้งมีทั้งเครื่องสำอางที่เป็นกากเพชร ขนตาปลอม และกาวติดขนตา เป็นต้น ซึ่งเครื่องสำอางเหล่านี้ เธอไม่สามารถเอามาใช้กับศพได้ เพราะศพอยู่ในสภาพหลับตา อีกทั้งเธออยากให้ศพได้รับการแต่งหน้าแบบธรรมชาติที่ดูหลับไปอย่างสวยที่สุดด้วย
สำหรับการแต่งหน้าศพนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องแต่งให้กับศพผู้หญิงเพียงอย่างเดียว ศพผู้ชายเองก็ต้องถูกเติมแต่งให้หน้าตาสดใสขึ้นเช่นกัน ดังนั้นศพแปลกหน้าศพแรกที่ จิ๊ก เนาวรัตน์ แต่งหน้าให้ จึงเป็นศพของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ญาติของเขาบอกว่าไม่ค่อยมีใครได้เห็นรอยยิ้มของเขาเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ใช่คนยิ้มแย้มมากนัก จนกระทั่ง จิ๊ก เนาวรัตน์ ลงมือแต่งหน้าศพให้ชายคนนั้นอย่างตั้งใจ จนญาติ ๆ ของเขาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหลังจากเห็นศพที่ถูกแต่งหน้าแล้วว่า ศพนั้นดูหล่อมากกว่าตอนก่อนเสียชีวิตซะอีก เพราะในวันนี้ศพของชายผู้ไม่เคยยิ้มแย้ม กลับมีรอยยิ้มบาง ๆ อยู่บนใบหน้า และรอยยิ้มนั้นเกิดจากฝีมือของอดีตนางเอกจิตใจดีคนนี้นั่นเอง

สุดท้ายเธอฝากข้อคิดดี ๆ เอาไว้ว่า การหาทางออกแห่งความทุกข์ด้วยการไปวัด ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ลองเปลี่ยนเป็นไปช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความทุกข์ดู แล้วจะทำให้คนเราลืมความทุกข์ของตัวเองไปได้ เมื่อต้องไปสัมผัสรับรู้กับความทุกข์ของผู้อื่น ที่บางครั้งก็เป็นทุกข์ที่หนักหนาสาหัสมากกว่าเราเสียอีก ส่วนการเข้าวัดควรจะเป็นการนำความสุขเข้าไปมากกว่า
และนี่คือเรื่องราวดี ๆ ของผู้หญิงที่สวยทั้งภายในและภายนอกคนนี้ จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ นางเอกตลอดกาลมาหลายยุคสมัย แม้วันเวลาจะผ่านไปแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ก็คือความเป็นนางเอกในชีวิตจริงของเธอ ซึ่งสามารถแบ่งปันความสุขและรอยยิ้มให้ผู้อื่นได้ทุกเวลาแม้กระทั่งเวลาที่พวกเขาสิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม