ปารีส--18 ม.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- ในปี 2558 กลุ่มบริษัทมียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 3.3% และทำสถิติใหม่ที่ 2,800,242 คัน
- กลุ่มบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตอีกปีหนึ่งในยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดเกิน 10%
- แบรนด์ Renault ยังคงครองตำแหน่งผู้นำกลุ่มตลาด LCV ในยุโรป ติดต่อกันเป็นปีที่ 18
- แม้ตลาดรัสเซียและบราซิลซบเซาอย่างหนัก แต่กลุ่มบริษัทยังคงรักษาตำแหน่งของแบรนด์เอาไว้ได้
- ความสำเร็จของรถยนต์รุ่นใหม่ในปี 2558 ตลอดจนแผนการเปิดตัวอีกหลายรายการ และการขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ล้วนแล้วแต่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทในการเติบโตต่อไปในปี 2559
ยอดขายเพิ่มขึ้นทั่วโลก
ในปี 2558 ยอดขายรถประเภท PC+LCV ของ Groupe Renault ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3% หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2.8 ล้านคันในตลาดที่มีการเติบโต 1.6% ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่สาม ส่งผลให้กลุ่มบริษัททำสถิติยอดขายสูงสุดครั้งใหม่ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 3.2% โดยแบรนด์ Renault ยังคงเป็นแบรนด์ฝรั่งเศสอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ Dacia ทำสถิติยอดขายใหม่
(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20160117/322920LOGO )
กลุ่มบริษัทยังคงได้รับแรงกระตุ้นจากตลาดยานยนต์ยุโรป (+9,4%) และมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.2% สู่ระดับ 1,613,499 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 10.1% โดย Renault เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป และเป็นผู้นำในตลาด LCV มาเป็นเวลา 18 ปีติดต่อกัน
สำหรับภูมิภาคอื่นๆ นอกยุโรป แม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในรัสเซียและละตินอเมริกา แต่ทางกลุ่มบริษัทยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคดังกล่าวเอาไว้ได้ อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินเดีย รวมถึงภูมิภาคยูเรเซีย
Thierry Koskas รองประธานบริหารฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดของ Groupe Renault ประกาศว่า "ปี 2558 นับเป็นอีกปีหนึ่งที่ Groupe Renault มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น และเราได้ทำลายสถิติยอดขายเดิมของเรา แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคยังคงแตกต่างกัน แต่การเติบโตของเรายังมั่นคงและพิสูจน์ให้เห็นว่ากลยุทธ์การสร้างความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ที่เรานำมาใช้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นได้ผล"
รถยนต์รุ่นใหม่ขับเคลื่อนความสำเร็จในยุโรป
Groupe Renault มีส่วนแบ่งตลาด PC+LCV ในยุโรป เพิ่มขึ้น 10.1% จากยอดขายที่ปรับตัวขึ้น 10.2% แตะ 1,613,499 คัน ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกประเทศในยุโรป โดยเฉพาะในสเปน (+22.3%) สหราชอาณาจักร (+17.7%) และอิตาลี (+18%) คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 9.1%
ปี 2558 ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเติบโตของ Renault ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในปี 2558 ด้วยยอดขายรถยนต์ทั้งสิ้น 1,238,711 คัน (+12.3%) ทำให้กลุ่มบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแตะ 7.8% เมื่อเทียบกับ 7.6% ในปี 2557 และ 7.4% ในปี 2556 และเมื่อรวมทุกส่วนตลาด พบว่ารถยนต์รุ่น Clio ยังคงทำยอดขายได้สูงที่สุด
สำหรับในตลาด PC (+11.1% แตะ 969 508 คัน) นั้น Renault ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ Urban Vehicle (ส่วนตลาด A+B) อันเนื่องมาจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของรถยนต์รุ่น Clio และ Captur ซึ่งเป็นผู้นำในส่วนตลาดของตนเอง ด้วยยอดขายรวม 194 703 คัน (23,7% ของส่วนตลาด)
รถยนต์หลายรุ่นที่เปิดตัวในปี 2558 ช่วยผลักดันความต้องการของลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่ง โดยรถยนต์รุ่น Kadjars ขายได้แล้ว 49, 016 คัน ในขณะที่รุ่น New Escape มียอดขาย 20, 930 คัน ซึ่งสูงกว่ายอดขายรุ่นก่อน ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 อยู่ถึงสามเท่า
ในส่วนของตลาด LCV นั้น Renault ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำได้ติดต่อกันเป็นที่ 18 ด้วยยอดขาย 269, 203 คัน (+16, 9%) และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 0.7 จุด
10 ปีหลังการเปิดตัวครั้งแรกในทวีปยุโรป แบรนด์ Dacia ยังคงมียอดขายเติบโตขึ้นในปี 2558 (+3.6%) พร้อมทำสถิติที่ 374, 458 คัน
Renault เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป โดยกลุ่มบริษัทมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว (+49%) แตะที่ 23, 086 คัน ไม่รวมรถรุ่น Twizy ขณะที่รถยนต์รุ่น ZOE กลายเป็นผู้นำในตลาด PC ด้วยยอดขาย 18, 453 คันตลอดทั้งปี (+68%)
ในประเทศฝรั่งเศส Renault ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ และรถรุ่น Clio ยังครองตำแหน่งรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในตลาดหกปีซ้อน ทั้งนี้ รถยนต์รุ่น Clio, Captur, Twingo และ Espace ต่างเป็นผู้นำในส่วนตลาดของตนเอง ขณะที่รถยนต์อเนกประสงค์รุ่น Trafic, Master และ Kangoo ก็เป็นผู้นำในส่วนตลาดของตนเช่นกัน ด้านรถยนต์รุ่น ZOE ครองส่วนแบ่ง 60% ในตลาด PC ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
Groupe Renault ยังเติบโตอย่างมั่นคงในระดับนานาชาติ
เมื่อพิจารณาในระดับนานาชาติ ถึงแม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและภูมิภาค แต่ Groupe Renault ก็ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งแข็งแกร่งขึ้น
ในยูเรเซีย กลุ่มบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 1.6 จุด แตะที่ 11.9% โดยได้ปัจจัยหนุนเป็นพิเศษจากการเติบโตของกลุ่มบริษัทในตุรกี (+21.7%) ซึ่งทำสถิติยอดขายใหม่ การเติบโตดังกล่าวช่วยชดเชยผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจในรัสเซีย ซึ่งตลาดหดตัวลงมากกว่า 35% และยอดขายรถของกลุ่มบริษัท Groupe Renault ลดลง 38.1% อย่างไรก็ดี ส่วนแบ่งตลาดยังคงมีเสถียรภาพที่ระดับ 7.5% เนื่องจากการดำเนินนโยบายรักษากำไร