ที่มาเฟซบุ๊ก Nat Varoth

"หมอครับ ...เราจะแยกยังไงระหว่างคนที่เรียกร้องความสนใจกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆบนโลกโซเชียล?"
...นี่เป็นคำถามที่ผมมักถูกถามบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงเมื่อวานนี้ที่เกิดเหตุน่าสลดจากการที่เด็กสาวคนหนึ่งส่งสัญญานขอความช่วยเหลือผ่านทางเฟสบุ๊คของเธอ และเรื่องจบลงตรงที่ สัญญาน S.O.S ที่ถูกส่งออกไปนั้น ไม่สามารถส่งความช่วยเหลือกลับมาหาเธอได้ทันเวลา
.
.
.
"ไม่ต้องแยกครับ" ...ผมตอบแบบนี้เสมอ
ไม่ต้องแยกจริงๆ เพราะสุดท้ายคนเหล่านี้ คือ คนที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งหมดนั่นแหละ !!
.
.
.
กลุ่มที่ถูกตราหน้าว่าชอบเรียกร้องความสนใจ (Attention-seeker) มักจะถูกมองด้วยความเหยียดหยามจากคนรอบข้าง มักถูกสั่งสอนด้วยคำต่อว่าที่รุนแรงจากคนใกล้ตัว สุดท้ายมักจบลงด้วยคำพูดที่ว่า...
"อย่าเรียกร้องความสนใจ"
จบ...จบแค่ตรงนี้เสมอ...จบแบบเจ็บๆ
...น่าแปลก กลับไม่ค่อยมีคนตั้งคำถามต่อไปว่า "บุคลิกภาพแบบนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร?" "มีปมอะไรถูกซ่อนอยู่?" "หรือนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของอาการที่รุนแรงในอนาคต?"
เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าเด็กวัยรุ่นที่เอาลิปสติกขีดแขนเป็นปื้นแล้วเขียนสเตตัสว่าอยากตาย ท้ายที่สุดจะไม่พัฒนาเป็นเด็กที่หยิบคัตเตอร์มากรีดข้อมืออย่างเงียบๆจนต้องเข้าไอซียู
...ปัญหาทางสุขภาพจิตระยะแรกๆ มักเป็นแบบนี้แหละครับ ถูกแสดงออกอย่างไม่ตรงไปตรงมาและมักถูกมองข้าม สุดท้ายถูกปัดไว้ไปใต้พรมหรือฝังกลบไว้อยู่ใต้ดิน
รอสะสมพลังจนกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่!
.
.
.
และจะแยกไปทำไม ในเมื่อ....
คนที่ต้องการความช่วยเหลือ คือคนที่"สังคม"ตัดสินว่า "เค้าน่าจะทำจริงๆ"
ส่วนคนที่เรียกร้องความสนใจ ก็คือคนที่"สังคม"ตัดสินว่า "เค้าไม่ทำจริงๆหรอก"
...เส้นบางๆตรงกลางที่ถูกขีดขึ้นมาโดย"คนอื่นในสังคม"
เราชอบตัดสินเรื่องของคนอื่น บนพื้นฐานชีวิตของตัวเอง ประสบการณ์ของตัวเอง และความเชื่อของตัวเอง .....ทั้งที่เป็นคนนอกแท้ๆ ไม่ได้อยู่กับเขา 24 ชั่วโมง ไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งแต่เกิดซักหน่อยเลย
จะทำจริง หรือ ไม่ทำจริง ...เจ้าตัวต่างหากที่รู้ดีที่สุด
.
.
.
โลกเราเปลี่ยนไป...
ผู้ใหญ่จากยุคสมัยก่อนอาจมองว่าการเขียนหรือโพสท์อะไรไปในเฟสบุ๊คของเด็กสมัยนี้ คือ การโชว์ออฟ การเรียกร้องความสนใจ การเรียกไลค์ การระบายอารมณ์ หรือแม้กระทั่งการอยากเป็นคนโด่งดังแบบเน็ทไอดอล
นั่นเพราะคนเหล่านั้นขาดความเข้าใจในความสัมพันธ์ของสังคมโซเชียลกับชีวิตเด็กยุคดิจิตอลในปัจจุบัน
เด็กรุ่น Generation Me เป็นต้นมา ได้หลอมรวมการสื่อสารในชีวิตประจำวันของตัวเอง ทั้งการรับสื่อมาและการสื่อสารออกไป เข้ากับโลกโซเชียลมีเดียไปหมดแล้ว โซเชียลมีเดียจึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป แต่มันผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเราไปโดยปริยาย
เพราะฉะนั้น การแสดงออกถึงเจตจำนงค์แห่งความตายผ่านทางโลกโซเชียลในยุคปัจจุบันนี้ จึงมักจะสะท้อนบางอย่างภายใต้จิตใจของคนๆหนึ่งได้เสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจทำจริงๆหรือไม่ก็ตาม
.
.
.
เอาเป็นว่า ถ้าเรื่องแบบนี้ผ่านตาเรามา...เข้าไปช่วยเหลือเขาเถอะครับ ตั้งสติให้ดี ลดอคติที่อยู่ในใจ สุดท้ายจะให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง หรือ พิมพ์แค่ "สู้ๆ" "เอาใจช่วยนะ" ก็ดีมากแล้ว
คุณแบบพวกนักเลงคีย์บอร์ดรุมกันแกล้ง รุมกันสับ รุมกันยุ นี่ผมขอเลยครับ...นี่มัน "ร่วมด้วย ช่วยกันฆ่า" ชัดๆ