Surbana Jurong Group ซื้อกิจการ Robert Bird Group เสริมแกร่งขีดความสามารถการพัฒนาเมืองระดับไฮเอนด์
Surbana Jurong Private Limited (Surbana Jurong) ประกาศว่า บริษัทได้เข้าทำสัญญาซื้อขาย (Sales and Purchase Agreement) เพื่อซื้อหุ้น 100% ของ Robert Bird Group (RBG) ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงต้นเดือนธันวาคม ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางประการที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จ
RBG เป็นบริษัทเอกชนที่ให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2525 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในออสเตรเลีย และสำนักงานในสหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ RBG มีชื่อเสียงในเรื่องของการส่งมอบบริการงานโครงสร้าง งานโยธา และการก่อสร้าง สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสานที่มีความโดดเด่น อาทิ Westfield Shopping Centre ในลอนดอน, อาคาร ICD Brookfield Place ในดูไบ รวมถึงอาคาร One Central Park และโครงการพัฒนา Darling Harbour Live ในซิดนีย์
การซื้อกิจการ RBG จะเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาเขตเมืองของ Surbana Jurong Group ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตลอดจนขยายการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ โดยช่วยเติมเต็มช่องว่างตลาดในปัจจุบันของกลุ่มบริษัท และก่อให้เกิดการประสานพลังความร่วมมือมากขึ้นระหว่างธุรกิจพัฒนาเมืองและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท
การซื้อกิจการครั้งล่าสุดเป็นการดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโตของ Surbana Jurong Group อย่างต่อเนื่อง หลังจากในปีที่แล้วทางกลุ่มได้เข้าซื้อ SMEC Holdings Ltd ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐานในออสเตรเลีย โดย RBG จะเข้ามาช่วยขยายธุรกิจที่มีอยู่เดิมของกลุ่มบริษัท ซึ่งจะยิ่งเป็นการยกระดับนำเสนอห่วงโซ่คุณค่าอันสมบูรณ์แบบให้แก่ลูกค้า
"กลยุทธ์การเติบโตของ Surbana Jurong Group คือการเสริมสร้างขีดความสามารถหลัก และการขยายการเข้าถึงตลาด เพื่อที่เราจะได้สร้างโอกาสที่น่าตื่นเต้นให้แก่บุคลากรทุกคนของเราได้มากยิ่งขึ้น ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Robert Bird Group เข้าสู่กลุ่มบริษัท Surbana Jurong Group เนื่องจาก RBG จะช่วยขยายขีดความสามารถด้านวิศวกรรมหลักของ Surbana Jurong ทั้งวิศวกรรมการออกแบบและวิศวกรรมการก่อสร้าง ชุดทักษะวิศวกรรมขั้นสูงดังกล่าวจะเสริมสร้างความได้เปรียบของเราในการแข่งขันและการได้มาซึ่งโครงการพัฒนารูปแบบผสมผสานที่มีความล้ำสมัย การที่ธุรกิจต่างๆ ของเราเข้ากันได้อย่างลงตัวนั้น หมายความว่าเราสามารถนำเสนอบริการที่สมบูรณ์แบบและครบวงจรให้แก่ลูกค้าได้ในทันที ไม่ใช่เพียงแค่ในตลาดหลักของเราอย่างสิงคโปร์และออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตลาดอีกหลายแห่งทั่วโลก อย่างที่ไม่เคยเข้าถึงได้มาก่อน" Wong Heang Fine ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท Surbana Jurong Private Limited กล่าว
เขาเสริมด้วยว่า "นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2558 ทางกลุ่ม Surbana Jurong Group ได้ขยายตัวขึ้นสามเท่า ทั้งในแง่ของจำนวนบุคลากรมากความสามารถและรายได้ การเติบโตของกลุ่มบริษัทเป็นการเติบโตจากภายในองค์กรเอง รวมทั้งผ่านทางการซื้อกิจการและความร่วมมือกับภายนอก ด้วยการใช้จุดแข็งของบริษัทหุ้นส่วนหรือพันธมิตร ทำให้เราสามารถเจาะเข้าถึงภาคส่วนตลาดที่มีความสำคัญต่อการเติบโต ทั้งยังช่วยผลักดันขีดความสามารถของเราในด้านการวางผังเมือง วิศวกรรมชายฝั่ง เขตชุมชนเมือง ตลอดจนขีดความสามารถอื่นๆ ไปสู่ระดับสากล วันนี้ถือเป็นก้าวย่างแห่งการเติบโตของเรา ขณะที่เราจะยังคงเดินหน้าพลิกโฉมและทำให้ธุรกิจมีความเป็นสากลมากขึ้น"
โรเบิร์ต เบิร์ด ผู้ก่อตั้งและประธาน RBG กล่าวว่า "การทำข้อตกลงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในขั้นต่อไปของ Robert Bird Group การสอดประสานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกับ Surbana Jurong เปิดโอกาสให้เราเข้าถึงโครงการใหม่ๆ ทั่วโลกเพื่อฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ เรายังมองว่าการทำข้อตกลงนี้เป็นการเข้ากันได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อพิจารณาจากความสอดคล้องของสองธุรกิจของเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านภูมิศาสตร์ ความสามารถ และลูกค้า ขณะเดียวกัน การเข้าร่วมเครือข่ายของ Surbana Jurong ยังทำให้ Robert Bird Group มีแหล่งทุน ทรัพยากร และสเกลงานที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะยิ่งเป็นการยกระดับความสามารถของเราในการให้ได้มาซึ่งโครงการระดับชาติและระดับนานาชาติโครงการใหม่ๆ และจะเป็นการเปิดประตูสำหรับบริษัทของเราในการเติบโตต่อไปทั่วทั้งเอเชียและในแอฟริกา"
ก่อนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของ Surbana Jurong Group นั้น RBG ได้เคยร่วมงานกับ Surbana Jurong ในการพัฒนาโครงการจนประสบความสำเร็จมาแล้วหลายโครงการ ซึ่งรวมถึง Westin Hotel Darwin และ Logan Enhancement Project ของรัฐบาลควีนส์แลนด์ นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังได้ยื่นเสนอราคาประมูลโครงการร่วมกันด้วย
เกี่ยวกับ Surbana Jurong Private Limited
Surbana Jurong Private Limited (SJ) เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านชุมชนเมือง เขตอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียที่มีขนาดใหญ่ที่สุด SJ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดหาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบวงจรในจุดเดียว ครอบคลุมทั้งการพัฒนาชุมชนเมือง การพัฒนาอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานตลอดห่วงโซ่คุณค่า
SJ Group มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และมีพนักงาน 13,000 คนประจำสำนักงาน 113 แห่ง ใน 44 ประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และทวีปอเมริกา ด้วยรายได้ต่อปีประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
SJ มีประวัติผลงานยาวนานกว่า 50 ปี โดยบริษัทสร้างบ้านกว่าหนึ่งล้านหลังในประเทศสิงคโปร์ ช่วยจัดทำแผน
แม่บทให้กับประเทศต่างๆ มากกว่า 30 ประเทศ และได้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั่วโลกมาแล้วกว่า 50 แห่ง
คำขวัญ "สร้างเมือง สร้างชีวิต" (Building Cities, Shaping Lives) ของ SJ นั้น สะท้อนความเชื่อที่ว่า การพัฒนาเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องของเหล็กและคอนกรีต SJ สร้างพื้นที่และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่ซึ่งทุกคนได้อาศัย ทำงาน และผ่อนคลาย และสร้างเมืองให้กลายเป็นบ้านที่มีงานมั่นคง พร้อมสนับสนุนชุมชนและธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง
