เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณา คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม‘นโยบายคุกกี้’ และ ‘นโยบายความเป็นส่วนตัว’
เรื่องล่าสุดของหมวด
เปิดตัว Xiaomi 12S Ultra ที่สุดของมือถือเรื่องกล้องจาก Xiaomi จับมือกับ Leica ครั้งแรก
Google Keep เตรียมเพิ่มฟีเจอร์แชร์ภาพไปยัง Apps และ ลากข้อความแปะวางได้โดยไม่ต้องกด
เจาะลึกฟีเจอร์ Focus บน iOS 16 ที่มีของเล่นใหม่เยอะขึ้น แต่มีประโยชน์
มือมืดแฮกบัญชีโซเชียลมีเดียของกองทัพบกสหราชอาณาจักร
realme เตรียมเปิดตัว GT2 Explorer Master ในวันที่ 12 กรกฎาคม นี้
ตลกร้ายคาดว่า "AirPods Pro 2" จะไม่มีฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจหรือเซ็นเซอร์อุณหภูมิร่างกาย
รีวิว ASUS Zenbook DUO Pro (UX8402) คอมพิวเตอร์เพื่อนักสร้างสรรค์ ร่างเล็ก ที่ทำได้มากกว่าที่คิด
รีวิว Redmibook 15 คอมพิวเตอร์รุ่นแรกของ Xiaomi ได้ทั้งแรงและราคาประหยัดมาก
แกะกล่องลองเสียง "HUAWEI Sound Joy" สุดยอดลำโพงเสียงระดับไฮเอนด์ ในราคาไม่ถึง 5 พัน
รีวิว "Huawei Watch D" สมาร์ทวอทช์สายสุขภาพ ที่สามารถ "วัดความดันโลหิต" ได้
แกะกล่องรีวิว "Mi Smart Air Fryer 3.5L" หม้อทอดไร้น้ำมันอัจฉริยะ ตัวจี๊ดของปี 2022
แกะกล่องลองเล่น "HUAWEI P50" สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้อง Leica ถูกใจคนชอบถ่ายรูป
4 เคล็ดลับ ในการชะลอการเสื่อมของแบตเตอรี่ iPhone ให้ช้าลง
อีกวิธีง่ายๆ ที่ดูว่าใครแอบส่อง Facebook ของเรามากที่สุด
[How To] ย้ายแชท LINE จากมือถือ Android ไป iOS ได้ง่ายดาย ฉบับปี 2022
รวมมือถือ 5G ติดโปร แจกฟรีงบไม่เกิน 2,000 บาท ที่น่าหาซื้อมาใช้ประจำเดือน มิถุนายน 2022
[How To] เผยความลับถ้าคุณอยากรู้ว่ามีใครแอบส่อง Tiktok ของคุณ ในเวลานี้
Sanook' s Choice : 6 หูฟังไร้สายที่คุณเป็นเจ้าของได้ง่าย งบไม่เกิน 3,000 บาท
หน้า: 1
แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?
ปัจจุบันการทำ Website เป็นที่นิยมมากๆ เพราะเทรนด์ค้าขายหันมาในโลก Online มากขึ้น มีผู้ให้บริการ Website ฟรีอย่างมากมาย เดี๋ยวนี้มีคุณภาพไม่แพ้กับการทำ Web ด้วยตัวเอง แต่เมื่อต้องการใช้งานในฟังก์ชั่นที่สูงขึ้นไป ก็จะเริ่มมีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น Website ที่ทำโดยผู้ให้บริการฟรี เหมาะสำหรับจุดเริ่มต้น ของคนมี Website แต่หาก Website นั้นเริ่มเป็นที่รู้จัก มีคนเข้ามากขึ้น ต้องการระบบต่างๆรองรับการใช้งานเพิ่มมากขึ้น การทำ Website ของตัวเอง อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในภายหลังการทำ Website นั้น 1 ในกระบวนการ นอกจากการมีชื่อ Domain Name เป็นของตัวเองแล้ว ก็ต้องมี Hosting สำหรับการเก็บข้อมุล Website ของเราด้วย การเลือก Hosting เป็นกระบวนการที่สำคัญมาก เปรียบเหมือนการเลือกบ้านเช่า ที่ต้องอยู่กันไปในระยะยาว ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีว่า Hosting ไหนเหมาะสำหรับ Website ของเรา มีวิธีการดูง่ายๆ 3-4 ข้อ ลองมาดูกัน1. ลองดู Web ของผู้ให้บริการก่อนเลย ว่า Web ของผู้ให้บริการ Web Hosting เจ้านั้นเป้นยังไง โหลดเร้วหรือไม่ ถ้า Web ของผู้ให้บริการเองยังโหลดช้า แล้ว Web ของลูกค้าขนาดไหน ให้รีบถอยห่างให้เร็ว 2. ดู Website ลูกค้าของผู้ให้บริการนั้น ลองไปเปิด Web ที่ ผู้ให้บริการได้ Reference ไว้ดูว่า Web ของลูกค้าของ Hosting นั้นโหลดเร็วหรือไม่ ถ้า Web ต่างๆที่เป็นลูกค้าของ Hosting นั้นโหลดเร็ว ก็พอจะสบายใจที่จะเลือกใช้บริการได้3. ทดสอบการ Support ตามช่องทางต่างๆ ว่าตอบคำถามเร็วแค่ไหน ถ้าเริ่มต้นการขาย ยังตอบช้า หลังเป็นลูกค้าไปแล้ว ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ แล้วต้องทนอยู่กันไปอีกนาน ตรวจสอบลองถามคำถามเบื้องต้น ตามช่องทางต่างๆที่ให้ไว้ ดูว่าทางผู้ให้บริการใส่ใจในการตอบคำถามมากน้อยขนาดไหน4. ถูกที่สุดไม่ใช่คำตอบ แต่ให้ดูข้อ 1-3 ข้างต้น แล้วพิจารณาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด Package ที่เราใช้ ก็ควรเหมาะสมกับขนาด Website ของเรา ถ้า Web เราคนเข้าวันละหมื่นคน แต่ไปเลือกจ่ายแบบ Package ถูกที่สุด ถ้า Website ของเราช้า ก็อาจจะไม่สามารถโทษผู้ให้บริการ Hosting ได้ เลือกผู้ให้บริการ และขนาด Package ที่เหมาะสมสำหรับ Web ของเราทั้งนี้ถ้าได้ Hosting ที่ดี ก็จะหมดปัญหาปวดหัวไป 1 เรื่องใหญ่ๆ เอาเวลาไปพัฒนา Website ของเราให้ดีเต็มที่แทน
แจ้งเตือน
ภาพและเนื้อหาต่อไปนี้ ไม่เหมาะสมแก่เด็ก และเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี