“ ดอกเบี้ยลอยตัว” หรืออัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นตัวแปรสำคัญที่คนกู้เงินซื้อบ้านนั้นจะต้องนำมาใช้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะว่าจะมีผลต่อภาระการผ่อนชำระรายเดือนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ทิศทางของดอกเบี้ยเป็น “ขาขึ้น” หรือว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ 1% นั้นจะส่งผลทำให้ค่างวดที่จะต้องชำระกับสถาบันการเงินในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 9% ในทางตรงกันข้าม หากดอกเบี้ยลดลงก็จะทำให้ค่างวดที่ผู้กู้จะผ่อนชำระรายเดือนลดลงตามไปด้วย
โดยเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวนั้นจะมี 3 รูปแบบหลัก ได้แก่
1. อัตรา ดอกเบี้ยแบบ mrr คือ อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี ( Minimum Retail Rate) ซึ่งสถาบันการเงินจะให้กับลูกค้ารายย่อยที่ไม่มีประวัติเสียทางการเงิน โดยประเภทสินเชื่อที่มักจะได้รับอัตราดอกเบี้ยแบบ mrr คือ สินเชื่อบ้านและสินเชื่อบุคคล จึงถือได้ว่า mrr คืออัตราดอกเบี้ยที่มีความเกี่ยวข้องกับคนที่ต้องการมีบ้านมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ บ้านใหม่ จาก โครงการบ้านจัดสรร , โครงการบ้าน มือสองรวมถึง ทาวน์เฮาส์, คอนโดมิเนียมและอาคารพาณิชย์ด้วย
2.อัตราดอกเบี้ย mlr คือ อัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินจะคิดกับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ( Minimum Loan Rate) ที่มีระยะเวลาการกู้ยาว, มีกำหนดเวลาแน่นอนและมีมูลค่าของหลักทรัพย์เพียงพอต่อการกู้ โดยจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยแบบอื่นในกลุ่มลอยตัว
ส่วนคุณสมบัติสำคัญของผู้กู้ที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยแบบ mlr คือ การมีประวัติการเงินดี ไม่เคยติดแบล็คลิสต์ในเครดิตบูโร อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ mlr คืออะไร ได้ที่นี่ https://www.sansiri.com/thai/คำแนะนำ/3-คำศัพท์ดอกเบี้ยบ้าน
3.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่สถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate )หรือดอกเบี้ย mor คือ อัตราดอกเบี้ยที่คิดจากการเบิกเงินเกินบัญชีหรือ OD นั่นเอง โดยประเภทของสินเชื่อที่สถาบันการเงินจะให้อัตราดอกเบี้ยแบบ mor คือ สินเชื่อสำหรับเงินทุนหมุนเวียนที่ทำผ่านบัญชีกระแสรายวัน บรรดาผู้ประกอบการภาคธุรกิจจึงถือว่าดอกเบี้ยแบบ morคือ หัวใจสำคัญอีกอย่างสำหรับการทำธุรกิจด้วย อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ mor คืออะไร ได้ที่นี่ https://www.sansiri.com/thai/คำแนะนำ/3-คำศัพท์ดอกเบี้ยบ้าน
นอกจากดอกเบี้ยแบบลอยตัวแล้ว สถาบันการเงินก็ยังมีเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate) ด้วย ซึ่งดอกเบี้ยในเงื่อนไขแบบนี้นั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งก็จะดีสำหรับการกู้ซื้อบ้านในช่วงที่ดอกเบี้ยนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะว่าเมื่อดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาดเงินได้ปรับตัวสูงขึ้น ผู้กู้ก็ยังสามารถผ่อนชำระเงินงวดได้เท่าเดิม
Refinance & ทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อเงื่อนไขดอกเบี้ยที่ดีที่สุด
เมื่อมีการผ่อนชำระเงินกู้เงินซื้อบ้านไปสักระยะหนึ่งแล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยนั้นไม่เหมาะสม หรือว่าควรที่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่านี้ ผู้กู้ก็ยังสามารถเลือกทำ Re-finance หรือกู้เงินก้อนใหม่เพื่อนำมาปิดบัญชีเงินกู้อันเดิมได้ เพื่อให้ได้รับเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
นอกจากนี้ จะพบว่าการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านจัดสรร ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์หรือคอนโดมิเนียม ทางเจ้าของโครงการบางแห่งอาจจะร่วมกับสถาบันการเงินบางแห่งปล่อยกู้บ้านในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งนี่ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้ผู้ซื้อบ้านได้รับประโยชน์จากการกู้เงินมากขึ้นเช่นกัน